โดยปัจจุบันบริษัทฯ มี PPA ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะชุมชนจำนวน 19.4 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ 1 (SP1) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนสยาม พาวเวอร์ 2 (SP2) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ 3 (SP3) ขององค์การบริหารส่วนตำบลนากลาง ตั้งอยู่ที่ตำบลนากลาง อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่า จะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายในปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด โดย TPCH ถือหุ้นในสัดส่วน 50% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาด ในช่วงปี 2568-2569
ส่วนการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในต่างประเทศ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จำกัด (MKP) ในสัดส่วน 40% ที่ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว และ MKP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว รวมทั้ง มีแผนที่จะส่งไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปจำหน่ายในประเทศเวียดนามอีกหนึ่งโครงการ
สำหรับการลงทุนในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต โดยตั้งเป้าการมีกำลังการผลิตของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณ 180-200 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลม ประมาณ 50-100 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ที่มา: ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง