ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ บริษัทฯ มี New S-Curve จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เราคาดว่าปี 2023 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ New S-Curve ของรายได้และกำไร จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Deco ซึ่งบริษัทได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในหลายช่องทาง ได้แก่ 1) เงินอุดหนุน 2) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 3) ได้รับการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับ การนำเข้าชิ้นส่วน ประกอบกับ Deco เป็นผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนเจ้าแรกในไทยและเป็นเจ้าแรกที่ได้เข้าร่วมนโยบาย EV3.0 ส่งผลให้มียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง
สำหรับมุมมองแนวโน้ม EV โตต่อ รัฐบาลผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิต EV แห่งภูมิภาคเอเชีย โดยตั้งเป้าให้มีรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมด ภายในปี 2030 ทำให้เราเชื่อว่ารัฐบาลจะส่งเสริมและออกมาตรการต่อเนื่องจนถึง ปี 2030 โดยปี 2023 มียอดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนคิดเป็น 1.16% ของรถจักรยานยนต์ทั้งหมดทั้งนี้ ปี 2566 MTW มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องเป็น 89% ของรายได้ทั้งหมด จาก 63% ในปี 2022 ขณะที่เราคาดว่าปี 2024F จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 94% เนื่องจากมีการย้ายฐานการผลิตในช่วง ไตรมาส 3/23 ส่งผลให้มีกำลังผลิตเพิ่มจากเดิม 10 เท่า และบริษัทเริ่มกลับมาเปิดรับตัวแทนจำหน่ายเพิ่มหลังจากหยุดรับคำสั่งซื้อตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 จากกำลังการผลิตไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ดี กำไรดีต่อเนื่อง เราคาดอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 82% yoy อยู่ที่ 98 ล้านบาท จากการเปิดรับตัวแทนจำหน่าย ส่งผลให้ยอดขายที่เร่งตัวขึ้น หลังมีการเพิ่มกำลังการผลิต และคาดว่าต้นทุนการผลิตลดลงจากการได้รับยกเว้นภาษีนำเข้า ของชิ้นส่วนและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายและบริหาร ต่อรายได้ก็ลดลงอย่างมีนัยยะ จาก 16% ในปี 2022 เป็น 11% ในปี 2023 และ คาดจะลดลงต่อเนื่องเป็น 9.5% ในปี 2024F จากการเติบโตรายได้เท่าตัว yoy ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไร และทำให้ราคาหุ้นได้รับการประเมินมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม
โบรกฯ มองราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น P/E ที่ประมาณ 16.7 เท่า เหมาะสมที่จะอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 13.5 เท่า ในขณะที่คาดกำไรของบริษัทจะโตถึง 81.6% ในปี 2024 คิดเป็น PEG ที่ 0.2 และคาดการเติบโตของกำไรสุทธิ 3 ปี (2023-26F) CAGR อยู่ที่ 46% จะทำให้ valuation น่าสนใจมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกจากตลาด EV ที่เติบโตดี นโยบายภาครัฐส่งผลให้มีแนวโน้มความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นสอดคล้องกับอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ที่มียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 0.05% ในปี 2019 เป็น 1.16% ในปี 2023 โดย Deco บริษัทจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มี Market share สูงสุดเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 33% ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่ได้รับการจดทะเบียนในเดือนม.ค. 2024 จากความหลากหลายของรุ่นรถ และมีบริการหลังการขาย เพื่อทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในตัวสินค้า
รวมถึง การย้ายฐานการผลิตในช่วง ไตรมาส 3/23 ส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มจากเดิมปีละ 11,500 คันเป็นปีละ 100,000 คัน ส่งผลให้สามารถแก้ปัญหาในช่วงก่อนหน้าที่มีกำลังการผลิตไม่เพียงพอกับปริมาณคำสั่งซื้อที่เข้ามา และเริ่มกลับมาเปิดรับตัวแทนการจำหน่ายเพิ่ม ตั้งเป้าขยายศูนย์จำหน่ายและบริการให้ครอบคลุมทุกจังหวัดในปี 2024 และตั้งเป้าเพิ่มสาขาของตัวแทนจำหน่ายเป็น 300 แห่งภายในปี 2025 จากประมาณ 200 แห่งในปัจจุบัน
นอกจากนี้ คุณกฤตเมธผู้ก่อตั้งและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ของ MTW มีความสนใจที่จะผลิตแบตเตอรี่โดยใช้เงินทุนส่วนตัว คาดจะทราบความชัดเจนประเด็นนี้ในไตรมาส 3/24 เรามองว่าจะส่งผลดีต่อ DECO หากสามารถผลิตแบตเตอรี่ได้เอง ส่งผลให้การจัดหาวัตถุดิบได้เร็วขึ้น อีกทั้งได้ประโยชน์จาก BOI ที่ขยายได้ถึง 5 ปี หากมีการใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ
ด้วยฐานะการเงินมั่นคง และเตรียมออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (MTW-W1) บริษัทยืนยันยังไม่มีแผนเพิ่มทุนเพื่อลงทุนเพิ่ม เนื่องจากได้ขยายโรงงานเพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยใช้เงินที่ได้รับจากการระดมทุน IPO และนำอีกส่วนหนึ่งนำไปชำระหนี้ ส่งผลให้ Debt/Equity และ Net Debt/Equity ปี 2023 อยู่ที่ 0.5 และ 0.43 ตามลำดับ นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (MTW-W1) ไม่เกิน 337 ล้านหน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2:1 อายุ 1 ปี และมีราคาใช้สิทธิที่ 1 บาท เพื่อจ่ายชำระหนี้ของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระยะยาว
ที่มา: IR PLUS