นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO เปิดเผยว่า APO เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก 2 เม.ย.นี้ ในหมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO) จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.99 บาท โดยเปิดจองซื้อหุ้นวันที่ 25-27 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ
เนื่องจาก APO มีการศึกษาเพื่อพัฒนาธุรกิจให้ทันสมัย มีความพร้อมในการจัดหาวัตถุดิบคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งบริษัทยังมีความพร้อมในการเติบโต ประกอบกับปัจจัยด้านอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งมีการส่งเสริมจากภาครัฐ อาทิ การนำน้ำมันปาล์มดิบไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น
ดร. วรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ KFS ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า APO จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เนื่องจากราคาที่เสนอขาย IPO มีความเหมาะสม เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพการดำเนินงานของบริษัท ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และสภาพคล่องทางการเงินที่ดี
โดยการกำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 0.99 บาท พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (Price to Book Value : P/BV) มีค่าเท่ากับ 1.00 เท่า ขณะที่หากพิจารณาเฉพาะคู่แข่งทางตรงกับบริษัท จะมีเพียง UVAN VPO และ UPOIC ที่ดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท ซึ่งมี P/BV เฉลี่ยอยู่ที่ 1.55 เท่า
นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือAPO ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า บริษัทขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ทำให้การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายศักยภาพการดำเนินงาน เพื่อสร้างการเติบโตตามแผนการดำเนินงานที่ได้วางไว้
"บริษัทมีแผนปรับปรุงกระบวนการผลิต เปลี่ยนเครื่องจักรหม้อนึ่งจากแนวนอนเป็นแนวตั้ง เพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิตน้ำมันปาล์ม เพื่อให้ได้น้ำมันที่มีคุณภาพดี ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดต้นทุนในระบบผลิตน้ำมันปาล์ม ส่วนเงินระดมทุนที่เหลือจะเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับขยายธุรกิจ รองรับความต้องการน้ำมันปาล์มดิบ เพิ่มโอกาสในการแข่งขันและการทำกำไร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต" นายสิทธิภาส กล่าว
ที่มา: เวิร์คลิ้งค์ พับบลิครีเลชั่นส์