นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะบูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างครอบคลุมให้ทุกภาคส่วนมีน้ำใช้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยระดมสรรพกำลังและทรัพยากรในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของสหประชาชาติ ภายในปี ค.ศ. 2030 ทั้งนี้ การบริหารทรัพยากรน้ำจะประสบความสำเร็จได้นั้น หน่วยงานร่วมดำเนินการด้านน้ำจากทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน ทั้งในระดับผู้กำหนดนโยบายและผู้ปฏิบัติ ทั้งจากการบูรณาการฐานข้อมูลและนโยบาย เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยอยากขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลมีหน้าที่ในการให้บริการด้านน้ำเพื่อประชาชนและรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันประชาชน รวมถึงเยาวชน ตลอดจน ภาคการผลิตต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมในการประหยัด อนุรักษ์ ฟื้นฟูและบริหารจัดการ เพื่อคงไว้ซึ่งทรัพยากรน้ำที่มีคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสมสำหรับลูกหลานในอนาคต และให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับนานาประเทศในการต่อยอดความร่วมมือด้านน้ำ ส่งเสริมความมั่นคงในภูมิภาคและระดับโลก นำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนและสันติร่วมกันไปในทุกมิติ
ดร.สุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำท่วมน้ำแล้งอย่างเป็นระบบ ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี โดยในช่วง 5 ปีแรก ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ทั้งการจัดสรรอุปโภคบริโภคด้วยการสร้างระบบประปาหมู่บ้าน การจัดการเพิ่มกำลังการผลิตประปาเมืองในพื้นที่เร่งด่วน และทำให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการดำเนินกิจกรรมของทุกภาคส่วน ทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน โดยยึดหลักข้อตกลงการใช้น้ำที่เป็นสากล เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
กิจกรรมสำหรับงานวันนี้ มีการมอบโล่เชิดชูเกียรติให้กับนางสาวเข็มอัปสร สิริสุขะ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวผู้แทนประชาสัมพันธ์ (Brand Ambassador) ด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ ของ สทนช. อย่างเป็นทางการอีกด้วย ทั้งนี้ คุณเชอรี่ เข็มอัปสร ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทและมีประสบการณ์ในการทำงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและเป็นที่ยอมรับของสังคมไทย มีการจัดแสดงนิทรรศการภายใต้หัวข้อ "Leveraging Water for Peace" หรือ "น้ำเพื่อสันติภาพ" มีเนื้อหาประกอบด้วย 1.นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2.นิทรรศการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทย 3.นิทรรศการสันติภาพน้ำระหว่างประเทศ และ4.นิทรรศการความร่วมมือคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดการแก้ไขปัญหาด้านน้ำในระดับชุมชน หรือแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best practice) รวมถึงความก้าวหน้านวัตกรรมที่ทันสมัยด้านน้ำและความร่วมมือนานาชาติในระดับเยาวชนด้วย
การจัดงาน "วันน้ำโลก" ในปีนี้ จึงนับเป็นการแสดงผลการดำเนินงานของหน่วยงาน และองค์กรภาคีเครือข่ายด้านน้ำ ที่สำเร็จได้ด้วยความร่วมมือของภาครัฐและการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม การแลกเปลี่ยนแนวคิดและการขับเคลื่อนความร่วมมือการใช้น้ำอย่างประหยัดของภาครัฐ ภาคการศึกษาวิจัย ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม และการแสดงพลังเยาวชนในการขับเคลื่อนการพัฒนาน้ำดื่มน้ำใช้ที่ได้มาตรฐาน อันจะส่งผลให้เกิดการขยายแนวร่วมลงมือปฏิบัติที่มีความเข้มแข็งตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ที่มา: MEDIA POINT Group