"International Friends for Peace 2024" โครงการยุติความรุนแรงและการข่มเหง รังแกในโรงเรียน ครั้งที่ 3 เป็นความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับสถาบันสอนภาษาอังกฤษ โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านการศึกษาของศูนย์นวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University Innovation Hub) หลังจากได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากโครงการฯ ครั้งที่ 1-2 ด้วยจุดประสงค์หลักเพื่อยุติความรุนแรงและการข่มเหง รังแกในโรงเรียน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-4 ได้เรียนรู้และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงรวมทั้งนำเสนอวิธีการป้องกันปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน
รศ.ดร.พรรณี ชีวินศิริวัฒน์ ผู้ช่วยอธิการบดี งานด้านวิจัย จุฬาฯ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงความคิดเห็นและแนวทางการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนและชุมชน โครงการ International Friends for Peace มุ่งหวังให้เยาวชนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของวิทยากรจากนานาชาติและนำความรู้นั้นไปสู่การออกแบบนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาในสังคมของตนเอง
หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจในงานนี้คือ การตระหนักรู้ถึงความยั่งยืนทางสังคม (Social Sustainability) ซึ่งคุณรัตนาวดี เกียรติซิมกุล ผู้อำนวยการกำกับดูแลกิจการ บริษัท หาดทิพย์ หนึ่งในผู้สนับสนุนโครงการได้เล่าถึงแนวทางการทำธุรกิจที่เน้นความเคารพต่อผู้อื่น และแรงบันดาลใจในการให้การสนับสนุนโครงการ International Friends for Peace
จากนั้นมีการนำเสนอเกี่ยวกับผลกระทบที่คาดไม่ถึงของ "Generation Gap" และความสำคัญของการไปสู่สังคมถ้วนถึง (Inclusive Society) โดย ผศ.ดร.ชนิศา ตันติเฉลิม คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณถิรพุทธิ์ ทิพยรัตน์ บริษัทโกลบิช อคาเดีย (ไทยแลนด์) ได้นำเสนอมุมมองใหม่ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลกระทบที่ไม่คาดคิดจาก Generation Gap และเสนอว่าการสร้างสังคมที่รวมทุกคนเป็นวิธีที่เหมาะสมในการเผชิญหน้ากับปัญหานี้ Generation Gap เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากความแตกต่างในค่านิยม ทัศนคติ และประสบการณ์ระหว่างวัย ซึ่งสามารถนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งในหลายๆ ด้านของชีวิต ทั้งในครอบครัว ที่ทำงาน และในสังคมโดยรวม อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่ไม่คาดคิดของ Generation Gap คือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตร่วมกัน เมื่อมีการยอมรับและเคารพในความแตกต่าง สังคมสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ การเน้นย้ำความสำคัญของ Inclusive Society หรือสังคมที่รวมทุกคน มีความหมายที่ลึกซึ้งในการไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังและทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข การสร้างสังคมดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเช่นการกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่มีความต้องการพิเศษหรือ LD (Learning Disabilities) ที่มักถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม
การส่งเสริม Leadership ในเยาวชนและการเป็น Peace Leader คือการสร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์ที่จะช่วยให้เด็กๆ เห็นถึงผลกระทบระยะยาวและปรารถนาที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในสังคม การมุ่งเน้นไปที่ Generation Gap ในปีนี้เป็นการย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความเข้าใจระหว่างวัยและการสนับสนุนสังคมที่รวมทุกคน โดยให้ความสำคัญกับการยอมรับความหลากหลายและเข้าใจชุดความคิดที่แตกต่างกัน นำมาซึ่งการเรียนรู้และการเติบโตร่วมกัน
ในงานเปิดตัวโครงการยุติความรุนแรงและการข่มเหง รังแกในโรงเรียน ครั้งที่ 3 ตัวแทนเยาวชนที่ชนะเลิศโครงการในปี 2023 ได้นำเสนอวิธีการใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) และ "Problem Tree" ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือทั้งผู้ปกครองและเด็กๆ ให้สามารถเข้าถึงและจัดการกับปัญหาการกลั่นแกล้งออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดช่องว่างระหว่างรุ่นและเพิ่มความเข้าใจร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการสร้าง "Safe Zone" หรือพื้นที่ปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เด็กๆ สามารถใช้เวลาออนไลน์ได้อย่างมีคุณภาพและปลอดภัยจากการกลั่นแกล้ง รวมทั้งมีการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า "Made Safe Space" ตอบสนองต่อความต้องการนี้โดยตรง แอปพลิเคชันนี้เสนอวิธีการใหม่ๆ ในการจัดการเวลาที่มีอย่างจำกัดบนโลกออนไลน์ โดยสร้างพื้นที่ที่เด็กๆ สามารถสำรวจ เรียนรู้ และติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นโดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการถูกกลั่นแกล้ง
"Opening of International Friends for Peace 2024" โครงการยุติความรุนแรงและการข่มเหง รังแกในโรงเรียน ครั้งที่ 3 ไม่เพียงเป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในเยาวชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมและเป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพและความเข้าใจระหว่างกันในสังคม ผ่านการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การเรียนรู้ และการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ที่มา: ศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย