ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ (BAFS) เปิดเผยว่า บาฟส์ และกลุ่มบริษัทในเครือ (BAFS Group) ให้ความสำคัญกับ การดำเนินกิจการอย่างยั่งยืน โดยวางแผนกลยุทธ์เสริมสร้างความสามารถในการขับเคลื่อนองค์กรด้วย การบูรณาการด้านการขยายธุรกิจกับการเติบโตอย่างยั่งยืนเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ที่ผ่านมา บาฟส์ มุ่งยกระดับ การให้บริการน้ำมันอากาศยานและขยายการลงทุนในกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ดำเนินการต่อเชื่อมระบบท่อส่งน้ำมัน โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสระบุรี-อ่างทอง เข้ากับระบบคลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline เพื่อขยายระบบขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ ระยะที่ 3 เส้นทาง คลังน้ำมันสระบุรี-สถานีแยกระบบท่ออ่างทอง ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร เป็นส่วนต่อขยายจากท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 1 จากคลังน้ำมันบางปะอินไปยัง กำแพงเพชร-คลังน้ำมันพิจิตร และระยะที่ 2 กำแพงเพชร-คลังน้ำมันนครลำปาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งน้ำมัน จากโรงกลั่นน้ำมันศรีราชาและโรงกลั่นน้ำมันมาบตาพุดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกไปยังเขตพื้นที่ภาคเหนือ ผ่านระบบท่อส่งใต้ดินทดแทนการขนส่งด้วยรถบรรทุกน้ำมัน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดปัญหาฝุ่นควันจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจากการขนส่ง และยังช่วยลดอุบัติเหตุซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ระยะไกล
ทั้งนี้ ท่อขนส่งน้ำมันส่วนเชื่อมต่อคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2567 และมีแผนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569 โดยคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณขนส่งน้ำมันผ่านท่อน้ำมันไปยังภาคเหนือสูงขึ้นจากเดิมกว่า 50% ยกระดับโครงข่ายการขนส่งน้ำมันทางท่อในโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) รวมระยะทางกว่า 628 กิโลเมตร นับเป็นระบบขนส่งน้ำมันทางท่อที่ยาวที่สุดในอาเซียน ทั้งนี้ บาฟส์ จึงได้สนับสนุนการเพิ่มทุนเพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินและการลงทุน พร้อมเปลี่ยนชื่อ "บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT)" เป็น "บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT)" มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา
นายเจษฎ์ ทูปิยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด หรือ BPT เปิดเผยว่า ในปีที่ ผ่านมา BPT เน้นทำการตลาดเชิงรุกเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้ามาใช้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อให้มากขึ้น ส่งผลต่อเนื่องให้ปีนี้ ประมาณการว่าปริมาณขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดย BPT มีแผนการเพิ่มปริมาณน้ำมันผ่านท่อเพิ่มขึ้นโดยส่งเสริมให้คลังน้ำมันปลายท่อ ได้แก่ คลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมัน นครลำปางเป็นจุดกระจายน้ำมันเพื่อการส่งออกไปยังประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกำหนดในเดือนมิถุนายนปีนี้ ส่งผลให้ประมาณการปริมาณน้ำมันขนส่งผ่านระบบท่อไปยังคลังน้ำมันนครลำปางเพิ่มขึ้นถึง 40% ทั้งนี้ สำหรับในไตรมาส 1/67 ที่ผ่านมา ปริมาณการขนส่งน้ำมันของ BPT เติบโตขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน และเชื่อว่าไตรมาส 2/67 จะดีขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้คาดการณ์เป้าหมายปริมาณการขนส่งน้ำมันปี 2567 ไว้ที่ 1,200 ล้านลิตร มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 32% เป็นอย่างน้อย
นอกจากนี้ อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของ BPT คือการร่วมขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการขนส่ง โดยเริ่มเปิดให้บริการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือตั้งแต่ ปี 2562 เป็นต้นมา BPT ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกไปแล้วกว่า 54,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ถึง 5,684,200 ต้น
ทั้งนี้ BPT ยังมีแผนต่อยอดในการเดินเครื่องสูบถ่ายน้ำมัน ด้วยไฟฟ้าสะอาดจากแผงโซลาฟาร์มของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เพื่อทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแบบเดิม โดยเริ่มดำเนินการ ณ คลังน้ำมันบางปะอิน ภายในปีนี้ พร้อมขยายโครงการติดตั้งแผงโซล่ารูฟท็อป ที่คลังน้ำมันพิจิตรและนครลำปาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า BPT มุ่งมั่นที่จะช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ ขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็น สังคมคาร์บอนต่ำ บรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ได้อย่างยั่งยืน
ที่มา: บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ