บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามสัญญาความร่วมมือโครงการวิจัยและพัฒนายานวัตกรรมและวัคซีนในประเทศไทย

จันทร์ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๗ ๑๖:๔๐
บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัทในเครือของ บริษัท เมอร์ค แอนด์ คัมปานี อินคอร์ปอเรท (Merck & Co.) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองราย์เวย์ มลรัฐนิวเจอร์ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา) ได้ลงนามสัญญาความร่วมมือ กับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผ่านโครงการ "ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนายานวัตกรรมและวัคซีน" ในประเทศไทย โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 8 ความร่วมมือของไซต์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการศึกษาวิจัย ทั้งยาและวัคซีนนวัตกรรม และยกระดับมาตรฐานการวิจัยทางคลินิก (Clinical Research) เพื่อให้เกิดการพัฒนางานด้านค้นคว้าวิจัยยาและวัคซีนใหม่ในการป้องกันโรค ที่สอดคล้องกับแนวโน้มการเกิดโรคในปัจจุบัน
บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามสัญญาความร่วมมือโครงการวิจัยและพัฒนายานวัตกรรมและวัคซีนในประเทศไทย

นายดีเรก ซีเกอร์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติด้านการวิจัยทางคลินิกระดับโลก ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เอ็มเอสดี จำกัด กล่าวว่า "เอ็มเอสดี ในฐานะผู้ค้นคว้า วิจัยและพัฒนายาและวัคซีนที่เป็นนวัตกรรมเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการป้องกันและรักษาโรค ปัจจุบันในโครงการนี้เราได้ดำเนินการพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานด้านการวิจัย 31 แห่งในกว่า 18 ประเทศทั่วโลก และ 8 แห่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อพัฒนาความร่วมมือในการศึกษาวิจัยและพัฒนายาและวัคซีน ที่สามารถนำมาใช้สนับสนุนการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุข อาทิ โรคมะเร็ง โรคติดเชื้อ และโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน สำหรับการลงนามสัญญาความร่วมมือ กับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็นการตอกย้ำความตั้งใจ ความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญในการวิจัยทางคลินิก นอกจากนี้ ยังแสดงถึงศักยภาพของบุคลากรด้านการวิจัยค้นคว้าของเรา ที่มีความพร้อมในการประสานงานกับหน่วยงานด้านการวิจัยทั่วโลก รวมไปถึงในประเทศไทย ซึ่งเราได้ทำงานด้านการวิจัยทางคลินิกกับหน่วยวิจัยต่างๆ หลายแห่งทั่วประเทศมากกว่า 30 ปีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสัญญาความร่วมมือ กับทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลนี้ เปรียบเสมือนการยกระดับการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมทางด้านยาและวัคซีนควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพนักวิจัยของประเทศ ในระยะยาว พร้อมเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงยานวัตกรรมในโครงการฯ เพื่อรักษาโรค อันจะส่งผลดีกับการพัฒนาสุขภาวะของประชาชนไทยในอนาคต"

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์วินัย รัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า "เรามุ่งมั่นเป็นสถาบันที่ส่งเสริมการวิจัยด้านคลินิกแนวหน้าในระดับภูมิภาคเอชีย เพื่อพัฒนาและส่งเสริมระบบสุขภาพ รวมทั้งคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยผ่านนวัตกรรมการวิจัยขั้นสูงที่ได้มาตรฐานระดับสากล โดยทีมแพทย์ผู้วิจัยและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งความร่วมมือกับ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านโครงการวิจัยและพัฒนายานวัตกรรมและวัคซีนในครั้งนี้ ถือเป็นความมุ่งมั่นของทั้ง 2 ฝ่ายในการช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยในประเทศไทยเข้าถึงยาและวัคซีนใหม่ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย"

ดร. แมรี่ เสรฐภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า "เอ็มเอสดี ประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการประสานให้เกิดความร่วมมือระหว่าง ฝ่ายปฏิบัติด้านการวิจัยทางคลินิกระดับโลก ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ยาและวัคซีนของเอ็มเอสดี ได้เข้ามามีส่วนให้แพทย์ใช้ในการรักษาโรคให้กับผู้ป่วยและป้องกันโรคในประเทศไทย เราได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการนำยาและวัคซีนที่ผ่านการวิจัยมาตรฐานในระดับโลกเข้ามาในประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มการเจ็บป่วยที่ต้องการการป้องกันและรักษาด้วยวัคซีนและยานวัตกรรมมากยิ่งขึ้น และจะดำเนินการต่อไปซึ่งนั่นคือพันธกิจของเรา ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในการวิจัยทางคลินิกเพื่อการพัฒนายาและวัคซีน ด้วยมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ มีแพทย์นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาของโรค และมีมาตรฐานด้านการวิจัยทางคลินิกในระดับสากล หากเรามีจำนวนโครงการวิจัยทางคลินิกมากเท่าไร ไม่เพียงแต่จะเกิดประโยชน์ด้านสาธารณสุข แต่ยังจะกระตุ้นให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจอีกด้วย"

จากการศึกษาผลกระทบจากการวิจัยทางคลินิกของดีลอยท์ในประเทศไทย (Deloitte's clinical research impact study in Thailand) เผยว่า เงินทุกบาทที่ลงทุนสำหรับการวิจัยทางคลินิกสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้ถึง 3 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพและเล็งเห็นว่าจะมีบทบาทสำคัญด้านเศรษฐกิจในอนาคต และยังตอบโจทย์ความเชื่อที่ว่า "Health is Wealth" ถ้าประชากรมีสุขภาพที่ดี ประเทศก็สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี โดยเฉพาะการลงทุนในการวิจัยพัฒนาที่จะมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา: เวเบอร์ แชนด์วิค

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version