ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทฯ เนื่องจากเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล และเพื่อประโยชน์ในความเป็นอิสระต่อการทำหน้าที่กรรมการอิสระ/กรรมการบริษัท โดยผู้ที่ขายออกมาเป็นกรรมการ ที่มิได้มีส่วนร่วมในการบริหารงานบริษัทฯ โดยตรงแต่อย่างใด
"ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TERA จำนวน 21,198,604 ล้านหุ้น หรือ 8.83% ยืนยันว่ายังคงถือหุ้นเท่าเดิม และไม่มีแผนจะขายหุ้นออกเลย ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อื่นๆ ก็ติด Silent Period ในสัดส่วน 98% ของหุ้นเดิมเช่นกัน นอกจากนั้น หัวเรือใหญ่ทีมบริหารของ TERA ทั้งนายสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ (CEO), นายบุญชัย ตั้งวัฒนาพรชัย (รอง CEO) และว่าที่ร้อยตรีศราวุธ ร่วมสนิท (MD) ของ TERA ก็ให้ใจนักลงทุนเกินร้อย โดยยินยอมติดสัญญา Voluntary Lock-up หุ้น IPO ทั้งหมดที่ได้รับจัดสรรในฐานะกรรมการ/ผู้บริหาร และหุ้นในส่วนที่ไม่ติด Silent Period ไว้กับ Underwriter ในระยะเวลา 1 ปีเต็ม ไว้ก่อนตั้งแต่ก่อนการเปิดซื้อขายหลักทรัพย์เป็นวันแรกแล้ว ขอให้นักลงทุนมั่นใจได้"
ทั้งนี้ TERA มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง ด้วยจุดเด่นที่เป็น IT Solution Provider ที่สำคัญของประเทศ มีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งภาคเอกชนและภาครัฐขนาดกลางและใหญ่ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจที่ใช้บริการอย่าง และภายหลังจากการระดมทุนในตลาด mai เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในระบบ T.Cloud Gen3: ต่อยอดความสำเร็จจาก T.Cloud Gen1 และ Gen2 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจต่อไปในอนาคต
"TERA เป็นหุ้นไฮบริด ทั้ง Dividend Stock ที่มี นโยบายจ่ายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ และ เป็นหุ้น Growth Stock สร้างรายได้และกำไรเติบโต ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง มีนโยบายและประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งด้านฐานะการเงินและกระแสเงินสด มีความสามารถในการทำกำไร และมีโอกาสเติบโตสูง มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากว่า 19 ปี และธุรกิจอยู่ในกลุ่มเมกะเทรนด์ ผมในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัทฯ ยืนยันว่าจะไม่ขายหุ้น และพร้อมจะใช้ประสบการณ์ทั้งหมดนำพาบริษัทฯ ให้เติบโตต่อไป และเชื่อว่ายังมี Upside ที่สามารถจะสร้าง Synergy และ Growth ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เป็นอย่างดี " นายสุรสิทธิ์ กล่าว
ที่มา: เทอร์ราไบท์ พลัส