นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เปิดเผยว่า "แพลตฟอร์ม U Destiny เป็น Use case แรก ๆ ที่นำศาสตร์การทำนายดวงชะตากับเทคโนโลยี AI เข้ามาผสมผสานกัน จนออกมาเป็นแอปพลิเคชันดูดวงที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเท่าเทียมกันมากขึ้น เนื่องจากคนไทยกับมูเตลูเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมานาน อย่างบิทคับ กรุ๊ปที่แม้จะเป็นบริษัทฟินเทคสัญชาติไทย แต่ก็เอาความเชื่อในสายมูเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบริษัทให้มีการเติบโตและประสบความสำเร็จเช่นกัน ส่วนทิศทางของเทคโนโลยี AI นั้น ในปี 2566 ถูกเรียกว่าเป็นปีแห่งการทดลองเล่น ซึ่งคนในวงทั่วไปก็จะได้รู้จัก ChatGPT กันมากขึ้น แต่ปี 2567 จะเป็นปีแห่งการใช้งานจริง เราจะได้เห็น AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันมากขึ้นผ่านแอปพลิเคชันพื้นฐานต่าง ๆ เช่น Line, Microsoft apps, Evernote ฯลฯ โดยจะมี AI Function เป็นทางเลือกให้ได้รับการบริการที่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพียงเล็กน้อย แต่แลกกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งตนเชื่อว่า ปีนี้คนไทยจะได้เห็นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้แก้ไขหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตมากขึ้น"
นายเชาวนนท์ คลังเปรม กล่าวเสริม "ฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของ U Destiny คือ โหวงเฮ้ง AI ที่นำเทคโนโลยี AI นำมาใช้ในการสแกนเพื่อวิเคราะห์ใบหน้าแบบเรียลไทม์ โดยไม่มีการเก็บข้อมูลของลูกค้า ที่สามารถผสานรวมการวิเคราะห์ทุกศาสตร์ไว้ที่เดียวไม่ว่าจะเป็น การทำนายวาสนา ดวงชะตาด้านการเงิน การงาน และความรัก มาพร้อมกับอีกฟีเจอร์ยอดนิยมของสายมู คือ ฟีเจอร์ Daily Mood ที่สามารถวิเคราะห์ดวงประจำวันได้ครบ 365 วัน"
สำหรับสายมูเตลูและผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อีเมล [email protected] หรือ LINE OA: @Udestiny
ที่มา: Bitkub Capital Group Holdings