นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเปิดเผยว่า ในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2567 บริษัทฯ เริ่มส่งมอบยางธรรมชาติภายใต้ข้อกำหนด EUDR แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อเข้ามาในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่ง "ยางมีพิกัด (GPS)" ของบริษัทฯ ได้ราคาขายสูงกว่ายางทั่วไป โดยเป็นลูกค้าจากหลายสัญชาติ ทั้งยุโรป เกาหลี จีนและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่มีความต้องการใช้ยาง EUDR เพื่อนำไปแปรรูปเป็นสินค้าส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป หลังจากที่สหภาพยุโรปเตรียมบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) ซึ่งจะเริ่มภายในสิ้นปี 2567 มีผลให้การส่งออกยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากยางธรรมชาติไปยังทวีปยุโรป ต้องผ่านการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) แหล่งที่มาของผลผลิต เพื่อแสดงว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าและไม่ได้อยู่ในพื้นที่บุกรุกป่า
ปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อมในการส่งออกยาง EUDR ทุกชนิด อาทิ น้ำยางข้น ยางแท่ง ยางแผ่น ฯลฯ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้เตรียมมาตรการรองรับอย่างต่อเนื่องและได้มีการพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลแปลงที่ดินในการปลูกยางจากเกษตรกรและผู้ค้ายาง ไปจนถึงระบบที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางพาราได้ 100% ผ่านแอปพลิเคชัน "Sri Trang Friends" (ศรีตรังเพื่อนชาวสวน) พร้อมทั้งเปิดตัว "ยางมีพิกัด (GPS)" ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาได้ เพื่อแสดงความพร้อมตอบรับข้อกำหนด EUDR จากยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ ที่ต้องการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางพาราในอนาคต
"เราเตรียมความพร้อมล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว ที่จะส่งออกยาง EUDR ไปยังกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปหรือประเทศคู่ค้าของยุโรป โดยเน้นการดำเนินงานตามนโยบายที่ให้ความสำคัญด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล รวมทั้งจุดยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและโปร่งใสและปฏิบัติตามข้อกำหนดในระดับภูมิภาค ซึ่งยางมีพิกัดจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับกลุ่มบริษัทศรีตรัง ตลอดจนยกระดับมาตรฐานยางพาราของไทยให้อยู่เหนือมาตรฐานประเทศอื่นๆ และเป็นโอกาสที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการค้าของไทย ไปจนถึงโอกาสด้านราคายางที่เพิ่มขึ้น"
นายวีรสิทธิ์ กล่าว
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย