นพ.วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1/67 ที่ผ่านมาจำนวนผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอกที่เข้ามารักษาภายในโรงพยาบาลมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยนอก ซึ่งหลังจากที่ผ่านพ้นสถานการณ์โควิดมาแล้ว เราพบว่า คนไทยและทั่วโลกมีความใส่ใจในการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยศูนย์การแพทย์ในโรงพยาบาลพระรามเก้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีปัญหาโรคปอดและระบบทางเดินหายใจ ,ภูมิแพ้ , ศูนย์หู คอ จมูก, ศูนย์กุมารเวชกรรม, ศูนย์ตรวจสุขภาพ, ศูนย์อายุรกรรมและโรคมะเร็ง, ศูนย์ศัลยกรรม, ศูนย์หัวใจ รวมไปถึงสถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต มีจำนวนผู้ป่วยเข้ามารับคำปรึกษาและเข้ามารักษาเพิ่มขึ้น
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่เรามองว่า เติบโตขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ กลุ่ม Wellness หรือผู้ที่อยากดูแลเรื่องสุขภาพให้ดีขึ้น รวมทั้งการดูแลเรื่องสายตา ด้วยการผ่าตัดแก้ไขปัญหาการมองเห็นด้วยเลสิค ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยากรับการรักษาเพื่อคุณภาพชีวิที่ดีโดยไม่ต้องใส่แว่น นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนของโรคต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวเราพบว่ามีตัวเลขเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะโรคไต หัวใจ เบาหวาน มะเร็ง และโรคทางกระดูกและข้อ ซึ่งสอดรับกับสังคมผู้สูงอายุ กลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่เข้ามาดูแลสุขภาพและป้องกันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ล่าสุด ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าได้มีการปรับปรุงพื้นที่ในโรงพยาบาล เพื่อรับรองผู้รับบริการทางการแพทย์ พร้อมทั้งขยายห้องผ่าตัดเพิ่มเติม และติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยในอนาคต ขณะเดียวกันเรายังได้วางรากฐาน Digital Hospital เพื่อยกระดับการให้บริการทุกภาคส่วนด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย โดยมีคนไข้ หรือผู้เข้ารับบริการในโรงพยาบาลเป็นศูนย์กลางสำคัญอีกด้วย
"ปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้ามารับบริการในโรงพยาบาลพระรามเก้าเติบโตแบบ Double-Digit เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าของการระบาดโควิด มีหลายคนเข้ามาตรวจสุขภาพและพบโรคเพิ่มเติม หรือบางรายพบโรคแทรกซ้อน ทำให้ต้องรักษาต่อเนื่อง ซึ่งโรงพยาบาลของเราก็มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่องมือที่ทันสมัยทำให้หลายคนมั่นใจในการรักษา โดยเฉพาะการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ MRI เพื่อดูแลเรื่องของสมอง เรื่องของกระดูกต่างๆ เพิ่มขึ้น เราก็พยายามหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเรามองว่าภาพรวมการเติบโตของโรงพยาบาลพระรามเก้าในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 13-14%"
นายแพทย์วิทยา กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลพระรามเก้ายังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยชาวต่างชาติแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศ CLMV คือ พม่า กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่เข้ามารับการรักษาโรคยากซับซ้อน นอกจากนี้กลุ่มผู้รับบริการจากประเทศจีนก็เข้ามารับบริการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รักษาโรคเล็กน้อยจนถึงอุบัติเหตุใหญ่ๆ ที่จำเป็นจะต้องผ่าตัด ส่วนอีกกลุ่มเป็นนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจเข้ามารับการรักษาโรคเฉพาะทาง หรือที่เรียกกันว่า Medical tourism ซึ่งเทคโนโลยีของประเทศนั้นๆ อาจจะยังเทียบกับประเทศไทยไม่ได้ เช่น ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก หรือ IVF การผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง เรื่องของการตรวจสุขภาพ รวมถึงการทำทันตกรรม
"โรงพยาบาลพระรามเก้าได้รับการยอมรับจากคนไข้กลุ่มตะวันออกกลาง หรือ กลุ่มอาหรับมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มการเติบโตขึ้นค่อนข้างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา จากเดิมรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติเฉลี่ยอยู่ที่ 13-14% ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 15- 16% เมื่อเทียบกับรายได้รวมระหว่างคนไทยแล้วก็คนต่างชาติอีกด้วย"
นอกจากนี้ จากการไม่หยุดพัฒนาการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้โรงพยาบาลพระรามเก้า ได้รับรางวัล Digital Transformation Initiative of the Year จากเวที Healthcare Asia Awards 2024 ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้กับผู้ให้บริการด้านสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย เพื่อแสดงถึงความสำเร็จในการพัฒนาระบบการให้บริการอันเป็นมาตรฐานใหม่เพื่อการดูแลสุขภาพของผู้รับบริการในยุคดิจิทัล และยกย่องถึงความมุ่งมั่นในการริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมอันเป็นคุณประโยชน์สำคัญให้กับสังคม
ที่มา: FourHundred