นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในเดือนที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond yield) ปรับตัวขึ้นแรงมาอยู่ที่ระดับ 4.6 - 4.7% รับข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และตัวเลขเงินเฟ้อที่ส่งสัญญาณเร่งตัวขึ้น รวมถึงถ้อยแถลงของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่พูดถึงความจำเป็นที่จะต้องคงดอกเบี้ยสูงยาวนานมากขึ้น เพื่อกดให้เงินเฟ้อกลับลดลงสู่เป้าหมาย
จากเหตุดังกล่าวจึงแนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสที่ Bond yield ผ่านจุดสูงสุดนี้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะยาว ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น มองว่าดัชนี S&P500 จะยืนได้เหนือ 4,900 จุดได้ และแนะนำให้นักลงทุนทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับฐานลงไปใกล้ระดับดังกล่าว
สำหรับสาเหตุที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า Bond yield ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วมาจาก 2 ปัจจัยคือ 1. นักลงทุนในตลาดได้เลื่อนความคาดหวังถึงการลดดอกเบี้ยครั้งแรกออกไปเป็นช่วงปลายปีและมองว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้
และ 2. นักลงทุนในตลาดมองว่า Fed จะลดดอกเบี้ยลงมาเหลือ 3.8% และคงดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปในระยะยาว ซึ่งเข้มงวดกว่าประมาณการดอกเบี้ยระยะยาวที่เหมาะสมของ Fed ที่ 2.6% และประมาณการของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ที่ 3-3.5% ไปมากพอสมควร ดังนั้น จึงมองว่า Bond yield จะทยอยปรับลดลงต่อจากนี้ มาสู่ระดับ 4% ต้นๆ ในช่วงปลายปีนี้
ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป