ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ ดร.ธนิต ใจสอาด กรมโยธาธิการและผังเมือง (ส่วนกลาง) เป็นผู้ให้ข้อมูลทางวิชาการด้านแผ่นดินไหว ผู้แทนทั้งภาครัฐหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน นักวิจัย สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ โรงแรม The Heritage Chiang Rai
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ในฐานะหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมในประเด็นสำคัญของประเทศมีพันธกิจในการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมตามยุทธศาสตร์ชาติ ได้ริเริ่มแผนงานการพัฒนาศูนย์กลางกำลังคนระดับสูง (Hub of Talents) และศูนย์กลางการเรียนรู้ (Hub of Knowledge) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญแบบสหวิทยาการที่มีความหลากหลาย เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติของสถาบันวิจัย และการให้บริการวิชาการที่มีคุณภาพในระดับอาเซียน สามารถนำไปสู่การต่อยอดการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม โดยการประชุมวิชาการในวันนี้ นักวิจัยภายใต้ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ และภาคีเครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดการประชุมวิชาการ เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลงานวิจัยที่ได้ดำเนินการในพื้นที่ และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติแผ่นดินไหว รวมทั้งสื่อสารให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ ตระหนักรู้ ในการป้องกัน บรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว และแลกเปลี่ยนประสบการณ์รวมถึงถอดบทเรียนจากอดีตถึงปัจจุบันไปสู่การขับเคลื่อนสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการเพื่อเตรียมแผนในการรับมือต่อไปในอนาคต
ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ ได้กล่าวถึงประเด็น "การเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวจากอดีตถึงปัจจุบัน" จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวแม่ลาว เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในประเทศไทย ขนาด 6.3 ริกเตอร์ ที่มีศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวอยู่ที่ ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ทั้งภาคเหนือของประเทศไทย และประเทศเมียนมาร์ แผ่นดินไหวในครั้งนั้นสร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินและความเสียหายส่วนใหญ่เกิดกับอาคารสถานที่ ทั้งบ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการ โบราณสถาน และเส้นทางคมนาคม ซึ่งปีนี้ 2567 จะครบรอบ 10 ปี ที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวแม่ลาว ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ ได้นำข้อมูลทางวิชาการมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวจากอดีตเพื่อให้ความรู้กับประชาชนและลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
ดร.ธนิต ใจสอาด กรมโยธาธิการและผังเมือง (ส่วนกลาง) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็น "การออกแบบก่อสร้างอาคารให้ต้านทานแผ่นดินไหว" การออกแบบอาคารให้ต้านทานแผ่นดินไหวได้นั้น วิศวกรผู้ออกแบบจะต้องพิจารณารูปแบบของอาคารตามหลักพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง และหลักมาตรฐานอ้างอิง ตามที่ข้อกฎหมายกำหนดไว้ในการออกแบบสร้างอาคารที่ถูกต้องตามหลักของรายละเอียดโครงสร้างข้อบังคับของกฎหมายกรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะหน่วยงานด้านการผังเมือง การพัฒนาเมือง และการอาคาร ให้มีความน่าอยู่และปลอดภัย ร่วมดำเนินกิจกรรม "1 ทศวรรษ แผ่นดินไหวแม่ลาว" เพื่อสนับสนุนการพัฒนาปรับปรุงงานผังเมืองและโยธาธิการ ให้มีมาตรฐานรองรับภัยพิบัติแผ่นดินไหว และมีกรอบการพัฒนาเมืองที่ตอบสนองความต้องการทางสังคม เศรษฐกิจ และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างทั่วถึง
โดย กิจกรรมภายในงานเป็นการเสวนาวิชาการในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
- ประเด็น "ธรรมชาติแผ่นดินไหว : ความเสี่ยง" โดย ดร.วีระชาติ วิเวกวิน กรมทรัพยากรธรณี และคณะ
- ประเด็น "การเสริมกำลังอาคารที่มีอยู่" โดย ผศ.ดร.ฐิตยา สารฤทธิ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะ
- ประเด็น "การเตรียมพร้อมเผชิญเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว" โดย คุณอารุณ ปินตา ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 และคณะ
- ประเด็น "การตรวจติดตามสุขภาพโครงสร้างอาคารสูงในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย" โดย ศ.ดร.นคร ภู่วโรดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะ
- ประเด็น "การขับเคลื่อนภาคประชาสังคมกรณีตัวอย่างเขื่อนแม่สรวยและชุมชนชนบท" โดย รศ. ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ มูลนิธิมดชนะภัย
ทั้งนี้ วช. อยู่ระหว่างดำเนินการสร้าง Research Ecosystem Facilities ที่จะช่วยให้สามารถศึกษาวิจัย ในระดับที่ทัดเทียมกับนานาชาติ รวบรวมองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหว และเป็นกลไกหลักในการนำเสนอนโยบายและเพื่อการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ เพื่อเป็นเวทีในการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวคิดสำหรับการนำบทเรียนมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย และเตรียมความพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหวในอนาคต
ที่มา: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)