'เทรนด์โลก' ชี้ 'เทรนด์ไทย'
ปนิษฐา บุรี นายกสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) เผยภาพรวมงานแสดงสินค้า (Exhibitions) จำนวนการจัดงานเริ่มกลับมาเกือบ 100% และเริ่มเห็นงานใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงขนาดของการจัดงานที่เคยลดลง ก็เริ่มขยายพื้นที่ขึ้น
สำหรับเทรนด์การจัดงาน ในอดีต จะเน้นจำนวนการจัดงาน แต่ ณ ปัจจุบันเน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อ (Buyers) ที่มีคุณภาพและชัดเจน
โดยตัวเลขของการจัดงานตลอดปี 2566 จาก 4 ศูนย์การแสดงสินค้า คือ รอยัล พารากอน ฮอลล์, อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เป็นงาน Trade Exhibition 39% และงาน Consumer 61% ใช้พื้นที่ในการจัดงานทั้งสิ้น 23 ล้าน ตร.ม. คาดปี 2567 แนวโน้มการเติบโตขึ้น 10 % จากปี 2566
ปนิษฐา กล่าวถึงเทรนด์ของการจัดงานปี 2567 ว่า การจัดงานแสดงสินค้าหลายงาน สอดรับกับวิสัยทัศน์ "IGNITE THAILAND: จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง" ของรัฐบาล โดยวิสัยทัศน์ทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ 1. ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว 2. ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ 3. ศูนย์กลางอาหาร 4. ศูนย์กลางการบิน 5. ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค 6. ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต 7. ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล และ 8. ศูนย์กลางทางการเงิน
"ปีนี้เราจะเห็นงานที่เกี่ยวกับ Fintech, Wellness และ Logistics เข้ามามากขึ้น รวมถึงงานทางด้านการท่องเที่ยว อาหาร และนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิต จะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง การที่รัฐบาลประกาศวิสัยทัศน์ทั้ง 8 ด้าน ทำให้ผู้จัดงานมองเห็นว่าเทรนด์ของการจัดงานว่าควรไปในทิศทางใด เพราะงาน Exhibition ถือเป็น กลยุทธ์การตลาดที่สำคัญขององค์กร"
ปี 67 'Regenerative Exhibitions' เทรนด์ใหญ่ระดับโลก
ปนิษฐา กล่าวเพิ่มเติมถึงเทรนด์สำคัญอีกอย่างที่ผู้จัดงานจะต้องเตรียมพร้อม คือ Sustainability (ความยั่งยืน) ยกระดับเป็น Regenerative Exhibitions เนื่องจากลูกค้าจากยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ประเทศไทยในฐานะเป้าหมายศูนย์กลางการจัดงานของเอเชีย เราต้องพร้อมที่จะต้อนรับและสนองต่อเทรนด์ความต้องการของบริษัทใหญ่ๆ จากทั่วโลก
โดย TEA มีแนวคิดที่อยากให้คนในอุตสาหกรรมเข้าใจเรื่องดังกล่าว สิ่งที่เน้นในปีนี้คือ Regenerative การฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน คือ แนวคิดตั้งแต่ต้นน้ำเลย เช่น การใช้ทรัพยากรทดแทนในการก่อสร้าง การลดปริมาณขยะหลังการจัดงาน การสื่อสารเพื่อให้มีความเข้าใจ ที่ต้องเป็นความร่วมมือกันทั้งระบบที่เกี่ยวข้อง (ซัพพลายเซน) อาทิ ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่สมาชิก ถึงการเลือกต้องใช้วัสดุอะไร เหมาะแก่การใช้งาน (function) และไม่สร้างภาระ หรือการออกแบบเพื่อเอาไปใช้ต่อ ส่งต่อ และไม่ทำลายธรรมชาติ การเอาของไปทิ้ง ต้องทิ้งอย่างไรถึงจะถูกต้องและปลอดภัย เป็นต้น
หนึ่งในพันธกิจ (วิสัยทัศน์) ของการพัฒนาอุตสาหกรรมของ TEA จึงต้องการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ต้องการให้ Regenerative Exhibitions เป็นมาตรการขั้นพื้นฐานของอุตสาหกรรม เป็น Branding ของการจัดแสดงสินค้าของไทย โดยให้ทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของ TEA เดินหน้าไปด้วยกัน บนมาตรฐานเดียวกัน
ไทยพร้อมแล้วที่จะเป็น 'MICE Destination'
ปนิษฐา กล่าวถึงการแข่งขันตลาดการจัดแสดงสินค้าว่า สำหรับคู่แข่งสำคัญของไทยในด้านการจัดแสดงสินค้า คือ สิงคโปร์และฮ่องกง แต่ด้วยประเทศไทยมีเสน่ห์เอกลักษณ์ความเป็นไทย และความหลากหลายในหลายๆ ด้าน เช่น การเดินทางมีตั้งแต่ Private Jet จนถึงรถตุ๊กตุ๊ก อาหารมีตั้งแต่ Street Food จนถึง Michelin Stars ราคาห้องพักโรงแรมก็ไม่แพงหากเทียบกับสิงคโปร์ เป็นต้น โดยขณะนี้ไทยเป็น อันดับ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นอันดับ 4 ของเอเชียในด้านการจัดงานแสดงสินค้า
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ประเทศไทยจะต้องปรับตัวเอง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน คือ การอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้ามาจัดงาน และคนทำงานต้องพร้อมในเรื่องของภาษาเพื่อรองรับผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศ
ด้วยบทบาทสมาคม TEA พร้อมผลักดัน การจัดเทรนนิ่งบุคลากรหรือองค์กรขนาดเล็ก ให้พร้อมสำหรับตลาดจัดงานแสดงสินค้า พร้อมเสริมองค์ความรู้ใหม่ให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง
สำหรับงาน Thailand MICE X-Change 2024 งานแสดงนวัตกรรมและบริการ การจัดงานแสดงสินค้า การจัดประชุมองค์กรและการจัดอีเว้นท์ ระหว่างวันที่ 17 - 18 กรกฎาคมนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เกิดจากแนวคิดเพื่อสร้างโอกาส ประกาศความพร้อมของเครือข่ายธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าไทยในการรองรับงานระดับนานาขาติ เป็นการรวมตัว Supply Chain ผู้ประกอบการงานแสดงสินค้าทุกสาขาได้นำเสนอสินค้าและบริการ เวทีนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้แก่สมาชิกได้เข้าถึงบริษัท องค์กร ที่ต้องการใช้งานแสดงสินค้าเป็นเครื่องมือทางการตลาดแล้ว ในครั้งนี้ก็จะเป็น Showcase ด้วย Regenerative Exhibitions ที่เป็นวิสัยทัศน์ของสมาคมด้วย
ที่มา: สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย)