บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ "UAC" รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 468.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.51% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ) จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในกลุ่มธุรกิจ Manufacturing - Petroleum และกลุ่มธุรกิจ Manufacturing - Energy ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จากการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย ส่งผลให้มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท และ EBITDA จำนวน 60.40 ล้านบาท และ 121.44 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมอย่างต่อเนื่อง จำนวน 21.14 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพคล่องกระแสเงินสด โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีกระแสเงินสดในมือ จำนวน 236.04 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ที่ 1.06 เท่า ซึ่งเป็นไปตามกรอบนโยบายทางการเงินของบริษัทฯ ที่ไม่เกิน 2 เท่า
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ "UAC" เปิดเผยว่า ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 เติบโตต่อเนื่อง มาจากการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นของ ธุรกิจ Manufacturing - Petroleum ที่มีรายได้รวม 55.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,447.75% (YoY) เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ ผลิตน้ำมันดิบได้ที่ระดับ 230 - 255 BPD หลังจากการติดตั้ง Beam Pump เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมเดินหน้าเตรียมจัดหา Beam Pump เพิ่มอีก 1 ชุด ภายในไตรมาส 3/2567 ทั้งนี้ เพื่อรักษาระดับการผลิตให้ได้ 250 - 300 BPD ตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่ธุรกิจ Manufacturing - Energy มีรายได้รวม 50.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.39% (YoY) จากการดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าพืชพลังงานแม่แตง จ.เชียงใหม่ และโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่สมุทรปราการ และสุราษฎร์ธานี ที่ดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้ตามแผนที่วางไว้ ขณะที่โรงไฟฟ้าพืชพลังงานภูผาม่าน สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 60% ของกำลังผลิตไฟฟ้า 1.5 MW. และโรงงานผลิต RDF3 ที่นครเวียงจันทน์ ยังสามารถจำหน่าย RDF3 ให้กับโรงปูน KCL ได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โรงงาน PPP มีรายได้ลดลงจากการซ่อมบำรุงเครื่องจักร และมีวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อการผลิต
ส่วนธุรกิจ Trading มีรายได้รวม 361.70 ล้านบาท ลดลง 0.55% (YoY) โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่มธุรกิจ Trading ของบริษัทใหญ่ที่เพิ่มขึ้นจากยอดขายในกลุ่ม Energy จำนวน 61.98 ล้านบาท ซึ่งมี Margin สูงกว่าที่ประมาณการไว้ และยังคงมี backlog ที่รอการส่งมอบตามแผน กลุ่ม Industrial และ Export & Others รายได้ลดลง 9.77 ล้านบาท และ 49.15 ล้านบาท ตามลำดับ และรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่มธุรกิจ Trading จากบริษัท ยูเอซี เทรดดิ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด (UACT) ลดลง 4.67 ล้านบาท
และธุรกิจ Manufacturing - Chemicals ภายใต้การดำเนินธุรกิจของบริษัท ยูเอซี แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (UAPC) ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทร่วม ยังคงเผชิญปัญหาการชะลอตัวของตลาดเคมีภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคงได้รับส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 0.78 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายชัชพล CEO UAC ยังได้อัปเดตถึงความคืบหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่
- โครงการโรงไฟฟ้าพืชพลังงานภูผาม่าน (PPM) ปัจจุบันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เดินเครื่อง Generator#1 กำลังการผลิต 1.5 MW. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขณะที่ Generator#2 กำลังการผลิต 1.5 MW. จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาส 2/2567 นี้
- โครงการ PT Cahaya Yasa Cipta (CYC) ซึ่งเป็นการร่วมทุนในบริษัท PT Cahaya Cipta สัดส่วน 70% ของบริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (บริษัทย่อย) เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่าย RDF3 ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ภายใต้กำลังการผลิตประมาณ 40,000 ตัน/ปี โดยจะจำหน่ายให้กับโรงปูนซีเมนต์ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานและคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2567
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญ ต่อการดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก ธรรมาภิบาล โปร่งใส ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เคารพสิทธิมนุษยชน และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียเป็นสำคัญ พร้อมกับการดำเนินงานควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) โดยบริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามหลักการ ESG ในทุกมิติ
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์