นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP เปิดเผยว่า "ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 1,924 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 1,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 จากไตรมาสก่อน (Q-Q) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (Y-Y) โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของส่วนแบ่งกำไรของธุรกิจที่ TCAP ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้น 24.2% Y-Y ในขณะเดียวกันผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของ THANI ปรับลดลง จากสถานการณ์ที่เริ่มดีขึ้น เป็นผลให้ได้รับชำระคืนจากลูกหนี้มากขึ้น ประกอบกับมีการบริหารจัดการคุณภาพของสินทรัพย์ และการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่เข้มงวดขึ้น"
"เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้ภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเศรษฐกิจยังคงมีความเปราะบางค่อนข้างมาก โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา TCAP เก็บเกี่ยวความสำเร็จจากเงินที่ลงทุนไปเกือบ 10,000 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิก็เติบโตตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้ ในปีนี้ เงินที่ลงทุนไปดังกล่าวก็ยังคงจะให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้ ธุรกิจที่ TCAP เข้าไปลงทุน เรามุ่งเน้นให้แต่ละบริษัทในกลุ่มเสริมสร้างความมั่นคง ระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ให้สอดคล้องกับภาวการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งทุก ๆ ธุรกิจก็ดำเนินธุรกิจตามแนวทางดังกล่าวและมีแนวโน้มที่ดี โดย TTB ที่เป็นบริษัทร่วม ก็เน้นดำเนิน กลยุทธ์เติบโตสินเชื่อคุณภาพและขยายฐานกลุ่มสินเชื่อรายย่อยผลตอบแทนสูง อีกทั้งยังมีผลประโยชน์ทางภาษีคงเหลืออีกจำนวนหนึ่ง ที่สามารถรับรู้ได้จนถึงปี 2571 ในขณะเดียวกันบริษัทย่อย ทั้ง THANI ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นลำดับจากการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ที่ได้กล่าวข้างต้น ส่วน ธนชาตประกันภัย มีเบี้ยประกันภัยรับเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับ หลักทรัพย์ธนชาต ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลง แต่ธุรกิจหลักทรัพย์ในส่วนอื่นก็มีแนวโน้มดีขึ้น รวมไปถึง ธนชาตพลัส ที่คาดว่าสินเชื่อจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอย่างรัดกุม นอกเหนือจากนี้ TCAP ยังพยายามลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากยิ่งขึ้น ต่อยอดความสำเร็จของปีที่ผ่าน ๆ มา"
ที่มา: กลุ่มธนชาต