นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ต้องเข้าใจว่าในบางกิจการที่มีกำลังน้อย เช่น ธุรกิจเอสเอ็มอี ค้าปลีก ค้าส่ง หรือแม้กระทั่งภาคเกษตร ชาวสวน ชาวไร่ ซึ่งต้องมาดูรายละเอียด อยากให้จังหวัดซึ่งรู้บริบทความต้องการความจำเป็นของการจ้างงานในจังหวัดนั้นๆ เสนอมาให้คณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองพิจารณาความต้องการความจำเป็นของการขึ้นค่าจ้าง เพื่อเสนอมาให้คณะกรรมการค่าจ้างชุดใหญ่มาเคาะพิจารณาเป็นครั้งสุดท้ายก่อน ซึ่งไทม์ไลน์จะให้คณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้ จากนั้นคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองพิจารณา และคณะกรรมการค่าจ้างชุดใหญ่จะดำเนินการการพิจารณาค่าจ้างให้แล้วเสร็จเพื่อให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ โดยคณะกรรมการค่าจ้างจะทำให้มีความเหมาะสม ถูกต้อง ครบถ้วน และตรงกับความต้องการทั้งฝั่งนายจ้างและฝั่งลูกจ้าง เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะทำให้เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการพิจารณาให้ใช้สูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามมติที่ประชุมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่นำมิติของเวลามาใช้ในสูตรฯ ประกอบกับการพิจารณาตัวแปรเชิงคุณภาพตามมาตรา 87 โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการครองชีพของลูกจ้าง ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง และเศรษฐกิจและสังคม ในบริบทของแต่ละจังหวัด
ทั้งนี้ คณะกรรมการค่าจ้างจะได้นำข้อเสนออัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดกับข้อมูลเศรษฐกิจ สังคม และแรงงานในภาพรวมทั้งระดับประเทศมาพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต่อไป
ที่มา: กระทรวงแรงงาน