นายจิรายุ เผยว่า "หลังจากที่บริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจ ยกเลิกการดำเนินงานธุรกิจที่ไม่ทำรายได้ หรือไม่เชี่ยวชาญออก จากนั้นให้ความสำคัญแก่ธุรกิจหลักดั้งเดิมคือ ธุรกิจ Call Center ซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและศักยภาพสูง เราได้ปรับรูปแบบการบริหารและให้บริการสู่ระบบ Smart Call Center ที่ครบวงจรการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ในการให้บริการ สามารถขยายฐานลูกค้าได้ครอบคลุมทั้ง B2B B2G และ B2C"
"ธุรกิจปัจจุบันของ PEER มีความชัดเจนมากขึ้น คือ 1) ธุรกิจ call center ทั้งในรูปแบบ Inbound และ Outbound และ 2) ธุรกิจ Fintech "peer to peer lending platform" (P2P) ได้แก่ StockLend by NestiFly เป็นนวัตกรรมภาคการเงินที่ช่วยจับคู่ผู้ขอสินเชื่อและนักลงทุนเข้าด้วยกันผ่านแพลตฟอร์มทางการเงิน บริษัทฯ พร้อมต่อยอดการเชื่อมโยง Synergy ระหว่าง 2 ธุรกิจที่มีอยู่ให้เติบโต แข็งแกร่ง และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆบริการแก่สังคมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด พร้อมด้วยปรับการลงทุนในรูปแบบใหม่ที่เน้นความมั่นคงและผลกำไร เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่บริษัทต่อไป"
"ทั้งนี้กลุ่มผู้บริหารชุดปัจจุบัน มุ่งวางแผนธุรกิจเพื่อขยายฐานลูกค้าธุรกิจ P2P โดยตั้งเป้าหมายยอดจับคู่สินเชื่อที่หลักพันล้านบาทภายในปีนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัท" นายจิรายุ กล่าวเสริม
ที่มา: บางกอก ออทัม