นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 359.76 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 12.92 ล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้น 14.58% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 13.66% สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงเมื่อเทียบเคียงในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งมาจากการรักษามาตรฐานและประสิทธิภาพการดำเนินงาน
โดยมีสัดส่วนรายได้จากสถานพยาบาล 87.47% อาคารสำนักงานและเพื่อการพาณิชย์ 12.23 % และงานก่อสร้างอื่นๆอีก 0.30 % ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง เตรียมความพร้อมในการรับงานโครงการขนาดใหญ่ สะท้อนออกมาด้วยอัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) 2.02 เท่า , อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ต่ำกว่า 1 เท่า ปราศจากหนี้สิน และปลอดภาระดอกเบี้ย โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E Ratio) อยู่ที่ 0.02 เท่า
ทั้งนี้ ปัจจุบัน NL มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 2,223.16 ล้านบาท โดยโครงการก่อสร้างที่ยังอยู่ในช่วงดำเนินการในปัจจุบัน มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ได้แก่ โครงการปรับปรุงอาคารนวมินทราชินีและอาคารคัคณางค์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลราชวิถี, โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ, โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร, โครงการปรับปรุง BBL@MDCU, โครงการก่อสร้างโรงพยาบาล เอส ลาดพร้าว 84, โครงการก่อสร้างลานอเนกประสงค์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นต้น
อีกทั้ง NL ยังมีโครงการที่อยู่ในช่วงการประมูล และรอเซ็นสัญญาอีกหลายโครงการ ครอบคลุมทั้งหน่วยงานเอกชน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆ สนับสนุนให้ปีนี้เป็นอีกปีที่ดีของ NL พร้อมเดินหน้าธุรกิจผู้ประกอบการงานก่อสร้างมืออาชีพเต็มสูบ คู่ขนานกับการบริหารความเสี่ยงและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างและภาคการลงทุนภายในประเทศในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะขับเคลื่อนอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ พร้อมในการเป็นผู้นำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างครบวงจร มีความเชี่ยวชาญในการรับงานอาคารพิเศษที่มีความเฉพาะทาง และมีความซับซ้อนสูงทางด้านวิศวกรรม อาทิ สถานพยาบาล ซึ่งสอดรับไปกับเมกะเทรนด์ด้านเฮลท์แคร์ที่กำลังขยายตัวและมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"ขณะเดียวกัน การที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีของภาครัฐได้รับการอนุมัติแล้ว จะทำให้มีการประมูลโครงการก่อสร้างในช่วงที่เหลือของปีออกมาเป็นจำนวนมาก จึงคาดได้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 จะเป็นช่วงที่ดีของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และเป็นโอกาสทองในการคว้างานของเราเช่นกัน" นายศรันย์ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: IR PLUS