นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานได้อย่างก้าวกระโดด โดยมีรายได้รวม 1,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127.4% และมีกำไรสุทธิ 453 ล้านบาท เติบโต 188.6% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยมาจากยอดขายที่ดินที่ทำรายได้ถึง 1,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144% หรือคิดเป็น 93% ของรายได้รวม ตอกย้ำถึงศักยภาพความโดดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการฯ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC และการให้บริการแบบ One Stop Service ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Recurring Income จากการให้บริการเช่าโรงงานและคลังสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมและรายได้จากการจัดเก็บค่าบริการพื้นที่ส่วนกลางและให้บริการระบบสาธารณูปโภคทั้งการขายน้ำประปา ให้บริการไฟเบอร์ออฟติก และขายไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ มีอัตราการขยายตัวได้เป็นอย่างดีและสามารถสร้างความมั่นคงทางผลการดำเนินงาน โดยรายได้จากการให้บริการเช่าโรงงานเพิ่มขึ้น 3% และรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภคเติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีกิจกรรมการผลิตของลูกค้าทั้งรายเดิมและรายใหม่ ที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
"ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก เราสามารถเติบโตได้ดีในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งการขายที่ดิน และรายได้จากการให้เช่าโรงงานและคลังสินค้า รวมถึงรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภค รองรับเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยได้เป็นอย่างดี" นายพีระ กล่าว
ส่วนแผนดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าสามารถผลักดันการเติบโตได้ตามแผน จากเป้าหมายการขายที่ดินในปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 750 ไร่ หลัง ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 มี Backlog (ยอดขายที่ดินรอโอนเพื่อรับรู้รายได้) ประมาณ 203 ไร่ และมียอด Pre-Sale จำนวน 93 ไร่ ที่คาดว่าจะทยอยโอนเพื่อรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด รวมถึงยังได้เร่งจัดเตรียมพื้นที่พัฒนาโครงการใหม่ รองรับนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากประเทศจีนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อบริหารความเสี่ยงจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 ในอัตรา 0.59 บาทต่อหุ้นที่มีกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคมที่จะถึงนี้
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย