ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 491.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 477.5 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24% เทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20.5% ในไตรมาส 1/2566 คิดเป็นเพิ่มขึ้น 17.1% และมีกำไรสุทธิ 63.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสำหรับไตรมาสอยู่ที่ 12.9% ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนทำได้อยู่ที่ 8.5%
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมและกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสอีกด้วย เป็นผลมาจากแผนขยายพอร์ตลูกค้าเชิงรุก มุ่งเน้นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง โดยลูกค้าหลักของ SFLEX เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นจำนวนมาก พร้อมทั้งมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ประเทศเวียดนาม Starprint Vietnam"
อีกทั้งบริษัทฯ มีการบริหารต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบ การทำสัญญาล่วงหน้า การพิจารณาแนวโน้มราคาและอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการเพิ่มทักษะและปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFLEX กล่าวอีกว่า บริษัทฯ คงเป้าหมายรายได้แบบ Organic growth จากธุรกิจหลักอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน และสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และกลุ่มที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน หรือแพคเกจจิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recyclable) ให้มากยิ่งขึ้นตามเทรนด์ในปัจจุบัน พร้อมพัฒนาผลิตภัณท์ใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครบวงจร
นอกจากนี้ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน Starprint Vietnam JSC ในประเทศเวียดนาม และคาดว่าบริษัทร่วมทุน "บริษัท สตาร์ยูเนี่ยน แพคเกจจิ้ง จำกัด" จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาส 4/2567 ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตแข็งแกร่ง ยกระดับ SFLEX และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ที่มา: ไออาร์ เน็ตเวิร์ค