นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN ผู้นำด้านเทคโนโลยี Mendix Low-Code ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในเอเชีย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 2/67 คาดเติบโตดีกว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยโครงการที่เกิดความล่าช้าในการเริ่มต้นโครงการจากไตรมาสแรก ปัจจุบันโครงการเหล่านั้นมีการเริ่มต้นพัฒนาโครงการแล้ว และหลายโครงการมีความชัดเจนในเรื่องแผนการพัฒนา จึงคาดว่าโครงการเหล่านี้จะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป
โดยแผนธุรกิจในปี 67 ประเมินว่ายังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้าผลงานเติบโตฝั่ง digital solution 20-25% และยอดขายรวมโต 3-5% จากปีก่อน โดยปีนี้บริษัทจะเน้นงานที่มีอัตรากำไรที่สูงขึ้น ได้แก่งาน digital solution และเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ของบริษัทคือ Templatized Solution โดยได้มีการเปิดตัวไปแล้วสองผลิตภัณฑ์คือ Insurance Broker Platform และ Insurance Agent Platform นอกจากนี้จะมีการเปิดตัว Business Process Automation ในไตรมาส 2 รวมทั้ง มีแผนที่จะขยายบุคลากรด้านการขายเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมใหม่และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ไปในฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น
อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทได้จัดสรรงบประมาณเพื่อศึกษาการลงทุนและเป็นพันธมิตรในบริษัทอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์และต่อยอดทางด้านธุรกิจ โดยบริษัทมุ่งเน้นที่ธุรกิจที่จะส่งเสริมและสร้าง Synergy ระหว่างกัน ทั้งในส่วนของ Low-Code และผลิตภัณฑ์อื่นๆ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.14 ล้านบาท ลดลง 17.84 ล้านบาท หรือ 69% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 25.98 ล้านบาท เนื่องจากรายได้งานบริการที่ลดลงจากการล่าช้าในการเริ่มงานพัฒนาโครงการ ในขณะที่ต้นทุนงานบริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเกิดขึ้นปกติ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่มีลักษณะคงที่ (Fix Coast) เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าเสื่อมราคา เป็นต้น โดย มีรายได้จากการให้บริการ 92.61 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 24.22 ล้านบาท หรือลดลง 21% ซึ่งเกิดจากการลดลงทั้งกลุ่มงานพัฒนาระบบดิจิทัลและงานให้คำปรึกษา และกลุ่มงานบำรุงรักษาระบบและงานสนับสนุนด้านเทคโนโลยี โดยรายได้กลุ่มงานพัฒนาระบบดิจิทัลและงานบริการให้คำปรึกษา (digital solution) อยู่ที่ 36.28 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 18.84 ล้านบาท หรือ 34% เนื่องจากไม่สามารถเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากลูกค้าขอทบทวนขอบเขตงาน ทำให้เกิดความล่าช้าในการเริ่มต้นโครงการ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโครงการเหล่านั้นมีการเริ่มต้นพัฒนาโครงการแล้ว และหลายโครงการเริ่มมีความชัดเจนในเรื่องแผนการพัฒนา จึงคาดว่าโครงการเหล่านี้จะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาสถัดไป ขณะที่งานบำรุงรักษาระบบและงานด้านเทคโนโลยี อยู่ที่ 55.09 ล้านบาท ลดลง 4.07 ล้านบาท หรืลดลง 7% และรายได้งานอื่นๆอยู่ที่ 1.24 ล้านบาท ลดลง 51% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income) อยู่ที่ 51% ซึ่งในปี 2566 อยู่ที่ 55% ของรายได้รวม โดย backlog ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 254 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมรายได้ที่เป็น Recurring Income บางส่วน และมีโครงการ pipeline ที่อยู่ระหว่างประมูลเข้ามาอีกราว 480 ล้านบาท
ที่มา: IR PLUS