นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL ผู้นำในอุตสาหกรรมหนังแห่งเอเชียอาคเนย์ที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยมาตรฐานสากล เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2567 ประสบความสำเร็จ มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 21.64 ล้านบาท เติบโตขึ้น 58.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 578.13% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ธุรกิจหนังรองเท้า ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจใหม่เติมเต็มพอร์ต และมีอัตรากำไรที่ดี ควบคู่การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม
โดย บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 621.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 73.99% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการขายหนังผืนสำเร็จรูปสำหรับอุตสาหกรรมรองเท้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการโอนหน่วยธุรกิจหนังรองเท้าจาก WOLVERINE WORLD WIDE, INC. ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ อีกทั้ง บริษัทฯมีการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 8.99 ล้านบาท ทำให้มีรายได้รวมสุทธิ 631.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 77.46% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทสามารถบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้บริษัทมีกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น โดยกำไรขั้นต้น อยู่ที่ 97.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 145.52% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยอัตรากำไรขั้นต้นเมื่อเทียบกับรายได้จากการขายและบริการในไตรมาสที่ 1/2567 เทียบกับไตรมาส 1/2566 เท่ากับ 15.72% และ 12.98% ตามลำดับ สาเหตุหลักมาการขายหนังผืนสำเร็จรูปสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า
ด้าน นายวศิน ดำรงสกุลวงษ์ กรรมการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2567 นี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ภาคอุตสาหกรรมไทยหดตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าหมวดยานยนต์เนื่องจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันทางการเงิน และแนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ขยายการเติบโตของธุรกิจไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้น ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า ที่ได้เดินหน้ามาตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งปัจจุบันมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดด้วยแบรนด์รองเท้ายอดนิยม อาทิ Nike, Adidas, New Balance และวางเป้ายอดขายปีแรกจากธุรกิจหนังรองเท้าแตะระดับ 1,000 ล้านบาท สนับสนุนการเติบโต
นอกจากนี้ยังได้ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ตรงกับเป้าหมายมากขึ้น ได้แก่กลุ่ม อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ภายใต้แบรนด์ MOMO&FRIENDS ทางบริษัทฯ มีนโยบายกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจให้มีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ มีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น
นายองอาจ กล่าวทิ้งท้าย "ในปี 2567 นี้ IHL เราพร้อมเดินหน้าวางกลยุทธ์อย่างเข้มข้น โดยมีธุรกิจหนังรองเท้าเป็นสตาร์ดวงใหม่ หลังปิดดีล WOLVERINE WORLD WIDE, INC. เจ้าของรองเท้าแบรนด์ดังรายใหญ่ในสหรัฐฯ มีสินค้าวางจำหน่ายทั่วโลก สนับสนุนการเติบโตให้ IHL ทันที และมั่นใจจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปีนี้ จากออเดอร์ในมือที่เราได้รับ เป็น Key Driver ผลักดันให้ปีนี้เรามียอดขายเติบโต 15% ตามที่วางไว้ รวมถึง การรักษาฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นในกลุ่มยานยนต์ และต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ โดยนำวัตถุดิบมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด ด้วยแนวทาง ZERO Waste"
ที่มา: IR PLUS