ม. มหานคร จับมือ GalaxySpace จัดตั้งสถานีดาวเทียมภาคพื้นความถี่สูงครั้งแรกในมหาวิทยาลัย

จันทร์ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ๑๖:๒๒
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (MUT) มหาวิทยาลัยเอกชนอันดับหนึ่งด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย จับมือ GalaxySpace บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาดาวเทียมระบบสื่อสาร บรอดแบนด์วงโคจรต่ำชั้นนำของโลก จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกันพัฒนาและทดสอบสมรรถนะระบบเครือข่ายการสื่อสารบรอดแบนด์แบบบูรณาการ ทั้งส่วนดาวเทียมสื่อสารวงโคจรระดับต่ำ และสถานีดาวเทียมภาคพื้น ภายใต้ชื่อ "Mini-Spider" ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีการจัดตั้งสถานีดาวเทียมภาคพื้นที่ใช้ความถี่สูงย่าน Q/V ในมหาวิทยาลัย เพื่อศึกษาวิจัยเทคโนโลยีด้านดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำ (Low-Earth Orbit หรือ LEO) ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ MUT ในฐานะผู้นำด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศมาตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งมหาวิทยาลัยและพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่พร้อมสร้างผลิตภัณฑ์และบุคลากรเพื่อตอบสนองความต้องการกำลังคนด้านเทคโนโลยีอวกาศ และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจอวกาศ (New Space Economy) ในภูมิภาคอาเซียน
ม. มหานคร จับมือ GalaxySpace จัดตั้งสถานีดาวเทียมภาคพื้นความถี่สูงครั้งแรกในมหาวิทยาลัย

ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ GalaxySpace ได้นำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ทั้งส่วนสถานีเชื่อมโยงสัญญาณ (gateway) สำหรับผู้ให้บริการ ซึ่งมีติดตั้งอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นในประเทศไทยที่ ม. เทคโนโลยีมหานคร และส่วนสถานีลูกข่าย (user terminal) สำหรับผู้ใช้บริการ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย มีทั้งแบบติดตั้งอยู่กับที่และติดตั้งบนยานพาหนะ ทางด้าน MUT ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศ และสร้างสถานีดาวเทียมภาคพื้น พร้อมระดมทีมนักวิจัย คณาจารย์ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีด้านดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำนี้ รวมถึงทำการทดลองและทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน ร่วมกับทีมวิศวกรจากทาง GalaxySpace ซึ่งหลังจากทำการทดลองใช้งานครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้จริง และสามารถนำอินเทอร์เน็ตของผู้ประกอบการไทย ไปทดลองใช้งานผ่านกลุ่มดาวเทียมวงโคจรต่ำได้เป็นครั้งแรกในโลก

รศ. ดร.ภานวีย์  โภไคยอุดม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เปิดเผยว่า "ผมเห็นศักยภาพในหลาย ๆ ด้านของประเทศไทย และเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศในอนาคต ซึ่งเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ ด้วยบริการด้านอวกาศที่มีความหลากหลายโดยอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ที่สามารถพัฒนาและนำเอาเทคโนโลยีอวกาศไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้หลายกลุ่มอุตสาหกรรม MUT เรามีความสนใจด้านเทคโนโลยีอวกาศมาตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งมหาวิทยาลัย ดาวเทียม 'ไทพัฒ' เป็นผลงานการออกแบบและสร้างโดยคนไทย ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยเรา และเรามีการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ต้นน้ำ ที่เป็นส่วนประกอบต่างๆ ของดาวเทียมขนาดเล็ก ตลอดจนระบบของสถานีภาคพื้น สู่ปลายน้ำ ที่เป็นการนำข้อมูลจากดาวเทียมมาใช้ประโยชน์ในงานต่าง ๆ ซึ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า MUT มีความพร้อมในทุก ๆ ด้านทั้งเรื่องสถานที่ องค์ความรู้ รวมถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาวเทียมระดับแนวหน้าของประเทศ ความร่วมมือกับ GalaxySpace ในการจัดตั้งสถานีดาวเทียมภาคพื้นในมหาวิทยาลัยของเรา ถือเป็นโอกาสสำคัญของ MUT ที่จะมีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำกับบริษัทระดับแนวหน้าของโลก นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอวกาศ รวมถึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาและคณาจารย์ ได้หาประสบการณ์และเก็บเกี่ยวองค์ความรู้เชิงลึกด้านเทคโนโลยีอวกาศ เพื่อนำไปปรับใช้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และในอนาคต บุคลากรเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเติมเต็มความพร้อมด้านเทคโนโลยีอวกาศ เพื่อช่วยพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การผู้นำด้านเศรษฐกิจอวกาศและเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอวกาศของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง"

ปัจจุบันมีการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่หลากหลาย อาทิ ดาวเทียมไทยคม 4 (THAICOM-4) หรือ ไอพีสตาร์ (IPSTAR) เป็นดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้าหรือวงโคจรประจำที่ (Geostationary Orbit : GEO) ที่มีระดับความสูงจากพื้นโลกโดยประมาณ 35,786 กิโลเมตร

ด้วยขีดจำกัดด้านระยะห่างจากพื้นโลกของดาวเทียมแบบ GEO จึงมีการพัฒนาระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมแบบวงโคจรต่ำ (Low Earth orbit) หรือ LEO Satellite ซึ่งห่างจากโลกเพียง 500 - 2,000 กิโลเมตร ซึ่งมีผู้ให้บริการดาวเทียมรายใหญ่หลายแห่งที่อยู่ต่างประเทศ ได้แก่ Starlink, OneWeb เป็นต้น แต่ยังไม่มีสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สำนักงาน กสทช. ต้องออกกฎระเบียบให้รัดกุม เพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัย ทดลองและทดสอบเทคโนโลยีก่อนการใช้งานเชิงพาณิชย์เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาช่วยในการออกกฎระเบียบที่เหมาะสม

เทคโนโลยีด้านดาวเทียมของ GalaxySpace เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้คลื่นความถี่ย่าน Q/V ที่เป็นคลื่นความถี่สูง ที่มีแนวโน้มจะใช้งานมากขึ้นในอนาคตและเป็นคลื่นความถี่ที่ยังไม่เคยมีการใช้มาก่อนในประเทศไทย ซึ่งต้องเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายหรือรบกวนระบบที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ด้วยความร่วมมือจากสำนักงาน กสทช. ที่คอยให้คำแนะนำ ช่วยเหลือและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียม การใช้คลื่นความถี่ การนำเข้าอุปกรณ์วิทยุคมนาคม รวมถึงการอนุญาตให้จัดตั้งเป็นพื้นที่ Sandbox เป็นระยะเวลา 5 ปี สำหรับพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครในกรุงเทพมหานคร และระยะเวลา 1 ปี สำหรับพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครในอีก 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก ชัยนาท นครนายก ระยองและภูเก็ต ทำให้โครงการศึกษาวิจัย ทดลองและทดสอบนวัตกรรมเทคโนโลยีดาวเทียมที่ MUT ร่วมกับ GalaxySpace สามารถดำเนินการตามแผนวิจัยที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี

รศ. ดร.ภานวีย์ กล่าวเสริมว่า "ดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำจะอยู่ที่ระดับความสูงไม่เกิน 2,000 km ขณะที่ดาวเทียมของ GalaxySpace อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 500 km ทำให้ระยะทางระหว่างพื้นโลกไปยังดาวเทียมค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับดาวเทียมในวงโคจรอื่นๆ จากการทดสอบเบื้องต้นของระบบ Mini-Spider เราได้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดประมาณ 250 Mbps[1] อัพโหลดสูงสุดประมาณ 210 Mbps และมี Latency[2] น้อยสุดประมาณ 32 ms เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การสื่อสารอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของ GalaxySpace จะมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงกว่าการใช้อินเทอร์เน็ตของโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน ที่ใช้เทคโนโลยี 5G ในประเทศไทย[3] ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดประมาณ 175 Mbps อัพโหลดสูงสุดประมาณ 23 Mbps และ Latency ประมาณ 28-34 msเห็นได้ว่า ระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของ GalaxySapce สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการให้บริการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ มีความเร็วสูงและมีการตอบสนองต่อการรับส่งข้อมูลอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการสื่อสารและข้อมูลที่สะดวกสบาย เสมือนใช้อินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ในเขตเมือง"

"MUT เราเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมชั้นนำของประเทศไทย เราไม่เพียงมุ่งเน้นเรื่องการศึกษาแบบองค์รวม แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจอวกาศยุคใหม่ของประเทศไทย เราเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพเพื่อยกระดับขีดความสามารถของบุคลากร เราเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับ GalaxySpace ครั้งนี้ จะสามารถตอบสนองความต้องการกำลังคนด้านเทคโนโลยีอวกาศและพร้อมส่งเสริมสร้างผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอวกาศเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน ผลักดันไทยก้าวสู่ผู้นำด้านเศรษฐกิจอวกาศในอาเซียนได้อย่างเป็นรูปธรรม" รศ. ดร.ภานวีย์ กล่าวสรุป

ที่มา: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร

ม. มหานคร จับมือ GalaxySpace จัดตั้งสถานีดาวเทียมภาคพื้นความถี่สูงครั้งแรกในมหาวิทยาลัย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ