พิธีฉลองความสำเร็จของโครงการการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (Sustainable Palm Oil Production and Procurement หรือ SPOPP) ครั้งนี้ จัดขึ้น ณ โรงแรมอวานีพลัส เขาหลัก จังหวัดพังงา โดยมีผู้แทนจาก GGC และ GIZ รวมทั้งองค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน หรือ RSPO ประเทศไทย กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 60 ท่านเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน โดยภายในงาน มีการนำเสนอข้อมูลความสำเร็จของโครงการฯในหัวข้อ "เส้นทางความสำเร็จของการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน" จากผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและรับซื้อ ทั้งเกษตรกรรายย่อยผู้ผลิตปาล์มน้ำมันที่ได้รับการรับรองจาก RSPO ประเทศไทย ไปจนถึงโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน และ GGC
นายกฤษฎา ประเสริฐสุขโข กรรมการผู้จัดการ GGC ให้เกียรติกล่าวเปิดงานดังนี้ "เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมกับ GIZ การทำงานร่วมกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นำมาสู่การยกระดับมาตฐานการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มที่ยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันรายย่อย ได้เข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง นำมาสู่การพัฒนาการจัดการสวนปาล์ม จนได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO เสริมศักยภาพให้กับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มในการแข่งขันและเชื่อมโยงการเข้าถึงตลาดทั้งในระดับประเทศและระดับโลก"
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า GGC และ GIZ รวมทั้งพันธมิตรใน 4 จังหวัดนำร่องได้แก่ ชุมพร กระบี่ ตรัง และพังงาได้ร่วมบันทึกข้อตกลงยกระดับการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนผ่านโครงการ SPOPP เมื่อปีพ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาเพื่อ ส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถของเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทยให้ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล มุ่งหวังยกระดับการผลิตปาล์มน้ำมันที่ยั่งยืนอย่างเป็นระบบในประเทศไทย มีผู้ผลิตวัตถุดิบปาล์มน้ำมันตามมาตรฐาน RSPO ค่อนข้างน้อย เนื่องจากเกษตรกรส่วนมากเป็นเกษตรกร รายย่อยจึงควรมีหน่วยงานที่เข้ามาช่วยให้ความรู้งบประมาณสนับสนุนและเป็นตัวแทนในการผลักดัน ภาครัฐควรมีการส่งเสริม หรือสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ได้ตามมาตรฐานสากลเพื่อยกระดับมาตรฐานพร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มในราคาขายตอบสนองกระแส ความต้องการในปัจจุบันและอนาคต ในระยะยาว
ดร.กนกวรรณ ศาศวัตเตชะ ผู้อำนวยการโครงการ GIZ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "โครงการ SPOPP ได้สร้างสะพาน เชื่อมโยงภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน และกลุ่มเกษตรกร รายย่อยให้คำนึงถึงความสำคัญของ การเสริมสร้างศักยภาพผ่นการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง การฝึกอบรมเกษตรกรรายย่อย ผ่านหลักสูตร "พัฒนาเกษตรกรรายย่อย ของไทยในการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน" (Thailand Oil Palm Smallholder Academy) หรือ TOPSA และการสร้าง แอปพลิเคชั่น i-Palm เพื่อจัดการฐานข้อมูลสวนแบบดิจิทัล
ดร.กนกวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ SPOPP ร่วมมือกับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 6 แห่ง เพื่อสนับสนุนกลุ่มเกษตรกร รายย่อยรวมกว่า 1,000 ราย ปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรรายย่อยทั้ง 6 กลุ่ม ได้ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐาน RSPO ในกลุ่มนี้ มี 2 กลุ่มที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO เรียบร้อยแล้ว ความสำเร็จนี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil) 11,047 ตัน และน้ำมันเมล็ดใน (Crude Palm Kernel Oil)1,243 ตัน ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตามมาตรฐาน RSPO เข้าสู่ตลาดโลก
ด้านนายยุทธนา จรุงการ ผู้จัดการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO - พังงา ในฐานะตัวแทนเกษตรกรสวนปาล์ม น้ำมัน กล่าวในเวทีเสวนาว่า "การที่เกษตรกรรายย่อยจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเองอาจเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะหากไม่มีพี่เลี้ยงและงบประมาณสนับสนุน โครงการ SPOPP ทำให้กลุ่มเรากล้าที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน โครงการเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงในทุกกระบวนการ ให้คำแนะนำจนกลุ่มของเราได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทัศนคติที่เปิดกว้างของสมาชิกทุกคนล้วนมีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับการบริหารจัดการกลุ่ม เราไม่ได้ต้องการหยุดพัฒนาเพียงแค่เพราะได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO แล้วเท่านั้น เรายังมองเห็นโอกาสในการพัฒนาต่อยอดเรื่องตลาดคาร์บอนเครดิตได้อีกในระยะยาว"
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์