นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ประกอบธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 6 มิ.ย. นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
เนื่องจากมีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท พร้อมกันนี้ยังได้ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมไก่เนื้อ ที่ในปัจจุบันมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังมีความต้องการบริโภคเนื้อไก่มีแนวโน้มเติบโตตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับเกษตรกรมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน และมีการควบคุมเฝ้าระวังโรคระบาดได้ดี ปศุสัตว์ไก่เนื้อมีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายการผลิตเพื่อให้ตอบสนองความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นทั้งธุรกิจอาหารและการท่องเที่ยว ขณะที่ความต้องการของตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกันทำให้มีปริมาณการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง
CFARM โดยภายหลังจากการระดมทุนบริษัทมีแผนลงทุนดังนี้ 1. เพื่อก่อสร้างฟาร์ม ปรับปรุงโรงเรือน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ โดยภายในปี 69 โดยบริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนโรงเรือนในการเลี้ยง ปรับปรุงระบบงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 2.เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และ 3.คืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
"บริษัทฯ มีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการนำหุ้นไอพีโอ จำนวน 149 ล้านหุ้นของ CFARM โดยมีราคาไอพีโอ 1.35 บาทต่อหุ้น เข้าซื้อขายวันที่ 6 มิถุนายน 2567 นี้ ซึ่งจากการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์ หรือนักลงทุน ในช่วงที่ผ่านมาถือได้ว่าหุ้น CFARM ได้รับความสนใจและการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีมาก" นายชูรัตน์ กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน กล่าวว่า CFARM จะเป็นหุ้นไอพีโอที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากปัจจุบัน CFARM มีจุดเด่นคือประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของกลุ่มผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร ที่สืบทอดกิจการกันรุ่นต่อรุ่นตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี มีการพัฒนาระบบการผลิตให้ทันสมัย และมีความพร้อมในการดำเนินงานสม่ำเสมอ จึงมีความชำนาญในการเลี้ยงไก่เนื้อให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐาน และมีการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่สัญญาทุกรายเรื่อยมา โดยทุกฟาร์มได้รับการรับรองเรื่องการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อจากกรมปศุสัตว์ จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เลี้ยงไก่เนื้อชั้นนำของประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิตเลี้ยงไก่ประมาณ 15.9 ล้านตัวต่อปี
จากพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องอยู่ในระดับดี สะท้อนจากผลการดำเนินงานสถิติย้อนหลังสามารถทำสถิติสูงสุดได้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2565-2566 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 228.70 ล้านบาท และ 240.99 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีกำไรสุทธิ 21.97 และ 30.49 ล้านบาท ตามลำดับ และบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด จึงมั่นใจว่า CFARM จะมีโอกาสขยายธุรกิจได้อีกมากในอนาคต
ที่มา: ธามดี พลัส