นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังของบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้รายได้และกำไรเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) เข้ารับบริการรักษาพยาบาลศูนย์บริการทางการแพทย์ต่างๆ เพิ่มขึ้นทำให้มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงส์จากศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) เนื่องจากปัจจุบันมีคนไข้เข้ามาปรึกษาและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคนไข้จากจีนที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากการที่รัฐบาลจีนสนับสนุนให้ประชากรมีทายาทเพิ่มและการเปิดประเทศ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้แต่งตั้งเอเจนซีรายใหม่ที่จะช่วยเพิ่มลูกค้าในกลุ่มนี้มากขึ้น อีกทั้งโรงพยาบาลคูนยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และได้รับความสนใจจากคนไข้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยสนับสนุนทำให้รายได้และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"จากแนวโน้มจำนวนผู้ป่วย OPD และ IPD ที่เข้ารับบริการรักษาพยาบาลศูนย์การแพทย์เพิ่มขึ้น และคนไข้เข้ามาปรึกษาและใช้บริการศูนย์ IVF อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โรงพยาบาลคูนยังคงได้รับความสนใจจากคนไข้ จึงเป็นสัญญาณบวกต่อผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของ EKH ที่เชื่อว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง และบริษัทฯ ยังคงมีเป้าหมายที่จะขยายส่วนงานด้านสุขภาพรวมถึงลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพหรือที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักในทุกรูปแบบกับบริษัทที่มีธุรกิจและผลการดำเนินงานที่ดี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ในอนาคตอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปีนี้ยังคงมั่นใจว่าจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้ตามเป้าไม่ต่ำกว่า 7%" นายแพทย์อำนาจ กล่าวในที่สุด
ด้าน บล.หยวนต้า คาดปีนี้ธุรกิจ IVF ของ EKH จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยมีปัจจัยหนุนจาก การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่รัฐบาลไทยและจีนตกลงยกเว้นวีซ่าเดินทางเข้าออกระหว่างกัน, บริษัทฯ มีแผนเพิ่มเอเจนซีรายใหม่ และประเด็นล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขเตรียมปลดล็อกแก้กฎหมาย "พ.ร.บ.อุ้มบุญ" หากผ่านมองเป็นผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจ IVF ซึ่งจะมีผู้ใช้บริการมากขึ้น โดยคาดการณ์สัดส่วนรายได้จาก IVF จะเพิ่มขึ้นเป็น 17% ในปีนี้จากปี 66 ที่ 12%
สำหรับปี 2567 คาดกำไรจะเติบโต 15% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 324 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตที่มาจาก 1.การเติบโตของรายได้ทั้งผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก 2.การเติบโตของศูนย์เฉพาะทางนอกจากศูนย์ IVF และศูนย์กุมารเวชที่เติบโตโดดเด่น อีกทั้งยังมีกลุยทธ์ในการขยายการรักษาโรคเฉพาะทางอื่นๆ เพิ่มขึ้น ได้แก่ ศูนย์หู ตา คอ จมูก ศูนย์ทันตกรรม ศูนย์กายภาพบำบัด ศูนย์ไต 3.การเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลคูน (KOON) ซึ่งถึงจุดคุ้มทนที่ EBITDA ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดดำเนินการในปีก่อน โดยมีอัตราการครองเตียงเฉลี่ยที่ 60% ขณะที่ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คงคำแนะนำ ซื้อ ให้มูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 11.20 บาท อิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 8.2%
ที่มา: ไออาร์เน็ตเวิร์ค