เต็ดตรา แพ้ค เปิดตัวโซลูชันด้านความยั่งยืน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้น้ำและพลังงานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทย

พุธ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ ๑๕:๔๑
เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก เปิดตัวโซลูชันใหม่ในชื่อ "Factory Sustainable Solutions" หรือ  "โซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงาน" นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและน้ำ รวมไปถึงระบบการทำความสะอาดในไลน์การผลิต หรือ ระบบ cleaning-in-place (CIP)
เต็ดตรา แพ้ค เปิดตัวโซลูชันด้านความยั่งยืน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้น้ำและพลังงานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทย

"โซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงาน" เป็นบริการใหม่ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความยั่งยืนของเต็ดตรา แพ้ค ที่นำเสนอการบูรณาการนวัตกรรมเทคโนโลยีให้เข้ากับการดำเนินงานของโรงงานผลิตเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับท้องถิ่นและทั่วโลก ในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการจัดการพลังงานและทรัพยากร เพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและบรรลุถึงเป้าหมายด้านความยั่งยืน

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมีส่วนสำคัญอย่างมากในภาคเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยคิดเป็น 23% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้ต้องอาศัยก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า น้ำมัน และถ่านหิน จึงมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมในประเทศถึง 4.48%[1]

ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ และเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 74% ภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ยังได้วางแผนที่จะนำเอากลไกการกำหนดราคาคาร์บอนมาใช้ เช่น การจัดเก็บภาษีคาร์บอนสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ผู้ผลิต และผู้นำเข้า ซึ่งระบุอยู่ในร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[2]

ทั้งนี้ ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ต้องเผชิญกับแรงกดดันในการปรับเปลี่ยนทางเลือกในการใช้พลังงานจากฟอสซิล[3]มาเป็นพลังงานหมุนเวียน ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนผ่านมาสู่วิธีที่ยั่งยืนกว่ามักจะมาพร้อมกับต้นทุนการดำเนินงานและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และยังไม่นับรวมถึงระบบการจัดเก็บภาษีคาร์บอน (CO2)  ที่ทำให้ผู้ผลิตในอุตสากรรมอาหารและเครื่องดื่ม จำเป็นต้องมองหาโซลูชันใหม่ ๆ ในกระบวนการผลิตและซัพพลายเชน เพื่อรับมือกับความท้าทายในการลดต้นทุนการผลิต[4]

"โซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงาน" ของเต็ดตรา แพ้ค เป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์กับทั้งโครงสร้างของระบบการผลิตในทุกขั้นตอน สามารถต่อยอดในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการผลิต และยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถลดการใช้และนำทรัพยากรต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น น้ำ พลังงาน และ สารเคมี เพื่อสร้างระบบการจัดการทรัพยากรที่เหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรฐานด้านความยั่งยืนที่เข้มงวดมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว[5]และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศ[6]

ทีมงานเต็ดตรา แพ้คที่ดูแล "โซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงาน" ยังพร้อมช่วยเหลือและให้การสนับสนุนลูกค้าในการคัดสรรเทคโนโลยีและโซลูชันที่เหมาะสมกับความต้องการ และพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวสำหรับการออกแบบและติดตั้งไลน์การผลิตให้ตรงตามความต้องการ และเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ พลังงาน และกระบวนการทำความสะอาดภายในระบบการผลิต (CIP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีขั้นสูงที่ "โซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงาน" นำเสนอ เช่น

  • Nanofiltration เป็นการกรองน้ำยาทำความสะอาด (ด่าง) ที่ใช้ในกระบวนการทำความสะอาดภายใน (CIP) กลับมาใช้ใหม่ โซลูชันนี้คิดค้นขึ้นโดยเต็ดตรา แพ้ค เพื่อช่วยนำสารเคมีทำความสะอาดและน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง ซึ่งเมื่อคิดรวมแล้วสามารถลดน้ำทิ้งจากระบบ CIP ได้มากถึง 90%[7]
  • Reverse Osmosis เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีการกรองด้วยเมมเบรนที่พัฒนาและถือกรรมสิทธิ์เฉพาะโดยเต็ดตรา แพ้ค เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรตามโจทย์ที่หลากหลาย เช่น การแยกชั้นของนมหรือการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่

นอกจากนี้ เต็ดตรา แพ้ค ยังร่วมมือกับพันธมิตรด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์โซลูชันอีกมากมาย เช่น

  • HighLift(TM) heat pump technology เทคโนโลยีปั๊มความร้อน HighLift(TM) จากการร่วมพัฒนากับบริษัท Olvondo Technology A/S เทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อบูรณาการเข้ากับระบบการทำงานของเครื่องจักรเพื่อนำความร้อนที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ โดยสามารถนำมาผลิตเป็นไอน้ำเพื่อใช้ต่อภายในโรงงานได้ ตัวอย่างเช่น เครื่อง Tetra Pak Direct UHT ที่มีความดันสูงถึง 10 บาร์
  • High temperature heat pumps ระบบปั๊มความร้อนอุณหภูมิสูง จากการร่วมพัฒนากับบริษัท Johnson Controls ระบบปั๊มความร้อนอุณหภูมิสูงช่วยนำพาความร้อนที่ผ่านการใช้งานแล้วส่งต่อไปใช้งานใหม่ในส่วนอื่น ๆ ของโรงงาน
  • Solar thermal collectors เครื่องเก็บความร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ จากการร่วมพัฒนากับบริษัท Absolicon โดยกักเก็บความร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน เพื่อจ่ายน้ำร้อนและไอน้ำในอุณหภูมิที่มากกว่า 150?C ทำให้เครื่องเก็บความร้อนพลังงานแสงอาทิตย์นี้เหมาะกับการใช้งานในระบบ UHT

สเตฟาโน วิตเตอร์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Olvondo Technology A/S กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในการเปลี่ยนแปลงที่เต็ดตรา แพ้ค กำลังขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้ โดยเทคโนโลยีปั๊มความร้อน HighLift(TM) ที่รวมอยู่ในโซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงาน ช่วยให้ เต็ดตรา แพ้ค นำเสนอโซลูชันเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

เฟรดริก นอร์บอม ผู้อำนวยการสำนักงานสวีเดน บริษัท Johnson Controls System and Service AB กล่าวเสริมว่า "การใช้ความร้อนเป็นสองในสามของการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล[8] เทคโนโลยีปั๊มความร้อนเมื่อรวมกับการใช้พลังงานไฟฟ้าแบบหมุนเวียนจะสามารถทำความร้อนในระบบการผลิตได้โดยไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero) เรารู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ เต็ดตรา แพ้ค ในการพัฒนาโซลูชันสำหรับอาคารอัจฉริยะ เพื่อให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมมุ่งสู่ก้าวสำคัญในการลดการปล่อยมลพิษด้วยเช่นกัน"

ซามีร์ เอล อทาซี ผู้อำนวยการฝ่ายโพรเซสซิ่ง บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "การเปิดตัวโซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงานถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับเต็ดตรา แพ้ค โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจ ขณะที่เรามุ่งมั่นในการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและไลน์การผลิตให้เหมาะสม เราได้ตระหนักถึงประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของการนำวิธีการเช่นนี้ไปใช้ในระดับโรงงานจากการวางแนวทางแบบองค์รวมมากขึ้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

โซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงานเป็นพัฒนาการที่เกิดจากความเชี่ยวชาญของเรา ซึ่งครอบคลุมทั้งในด้านน้ำ พลังงาน และระบบ CIP โดยการนำเสนอโซลูชันที่ออกแบบมาเฉพาะเสริมเข้ากับความรู้ด้านการผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่กว้างขวางของเรา การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะช่วยให้เราสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทยในการเพิ่มขีดความสามารถสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน และลดต้นทุนการดำเนินงานไปพร้อม ๆ กันด้วย"

ฟิโอน่า ลีเบเฮนซ์ รองประธานฝ่ายอุปกรณ์หลัก โซลูชันสำหรับโรงงานและการบริหารช่องทางการขาย ของ เต็ดตรา แพ้ค กล่าวว่า "เราภูมิใจในทีมงาน เรารู้ว่าลูกค้าของเราอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ซึ่งนับเป็นความท้าทายที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินงานในอนาคตของหลาย ๆ บริษัท จากการทำงานร่วมกับลูกค้าและทำความเข้าใจถึงความต้องการรวมถึงวัตถุประสงค์ของแต่ละบริษัท เราจึงสามารถนำเสนออุปกรณ์เครื่องจักรที่เหมาะกับโจทย์ของลูกค้าแต่ละราย ผนวกเข้ากับความรู้ในการผลิตอาหารและเครื่องดื่มแบบองค์รวมของเราในการจัดการกับความท้าทายดังกล่าว ซึ่งต้องเกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้และวัดผลได้เป็นตัวเงิน"

โซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงาน เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกที่พร้อมบริการให้คำปรึกษา โดยเป้าหมายของ เต็ดตรา แพ้ค อยู่ที่การพัฒนาและขยายบริการโซลูชันนี้ไปยังทุกตลาด เพื่อสนองตอบความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาของลูกค้าของเรา

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโรงงานของเต็ดตรา แพ้ค ได้ที่ www.tetrapak.com/solutions/integrated-solutions-equipment/factory-sustainable-solutions

 

[1] ASEAN Low carbon energy program, Energy efficiency guidance for the food & beverage sector across Malaysia, Myanmar, Philippines, Thailand

[2] Thailand Climate Change Act, Ministry of Natural Resources and Environment

[3] A substantial portion of the energy used in food and beverage manufacturing comes from fossil fuels, primarily natural gas, according to the Food & Drink Federation's "Achieving Net Zero: A Handbook For The Food And Drink Sector

[4] BCG, "The CEO's Guide to Costs and Growth", March 2024 https://www.bcg.com/publications/2024/what-leaders-are-saying-about-costs-and-growth

[5] McKinsey & Company, Operations-driven Sustainability, August 2020, https://www.mckinsey.com/capabilities/operations/our-insights/operations-driven-sustainability

[6] IEA (2022), Global Methane Tracker 2022, IEA, Paris https://www.iea.org/reports/global-methane-tracker-2022, Licence: CC BY 4.

[7] Resource-saving filtration solutions | Tetra Pak Global

[8] IEA (2018), Clean and efficient heat for industry  - Clean and efficient heat for industry - Analysis - IEA

ที่มา: Vero

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version