สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและขยายการเติบโตของธุรกิจในรูปแบบซัพพลายเชนโซลูชันที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในฟันเฟืองในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย
อย่างไรก็ตามจากแผนขับเคลื่อนดังกล่าวสอดรับกับความมุ่งเน้นในการสร้างโอกาสการเติบโต อย่างต่อเนื่อง สู่การขยายการปล่อยสินเชื่อไปยังกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากหากพิจารณาจากภาพรวมของอุตสาหกรรมสินเชื่อแฟคตอริ่งในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ายังมีจำนวนผู้ใช้บริการขอสินเชื่อโดยรวมในปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน
ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อรวมของ AF เติบโต 10% จากปีก่อน โดยมาจากสินเชื่อแฟคตอริ่ง ที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 5% เนื่องจากบริษัทฯ วางแผนที่จะมุ่งเน้นปล่อยสินเชื่อไปยังอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมทางการแพทย์, อุตสาหกรรมแพ็คเกจจิ้ง และอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV และโลจิสติกส์ เป็นต้น ซึ่งจากกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 10% ภายในช่วง 3 ปีต่อจากนี้
"ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับผลกระทบของภาวะต้นทุนดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับที่สูง ประกอบกับสถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อและมีการคุมเข้มในกลุ่ม SMEs มากขึ้น โดยมุ่งเน้น ปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้ารายเดิม แต่ไม่ขยายสินเชื่อใหม่ ส่งผลให้ในภาพรวมของสินเชื่อแฟคตอริ่งในปัจจุบัน ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากแฟคตอริ่งเป็น Post Finance ทำให้เบื้องต้นคาดว่าตลาดแฟคตอริ่งจะเติบโตไม่เกิน 2% จากปีก่อน ดังนั้นเชื่อว่าจากแผนการร่วมมือระหว่าง AF กับ NEC ประกอบกับแผนการขับเคลื่อนรูปแบบการปล่อยสินเชื่อของ AF จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs มีทางเลือกในการขอสินเชื่อแฟคตอริ่งได้มากขึ้น
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์