PwC ประเทศไทย เผยผลสำรวจล่าสุดพบ 79% ของทายาทผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ไทยกล่าวว่า AI จะเป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ แต่มากกว่าครึ่งกลับระบุว่า มีแรงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในครอบครัว ขณะที่ 58% สั่งห้ามการใช้ GenAI หรือยังไม่ได้เริ่มต้นสำรวจเทคโนโลยีนี้ ด้วยเหตุนี้ ผู้นำรุ่นใหม่ไทยจึงต้องเร่งสร้างความไว้วางใจ วางแผนป้องกันความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ และมีกรอบการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มที่ควบคู่ไปกับการปกป้องมรดกของธุรกิจครอบครัวให้คงอยู่ต่อไป
นางสาว สินสิริ ทังสมบัติ หัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจครอบครัว และหุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง รายงานผลสำรวจผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ ประจำปี 2567 ฉบับประเทศไทย: 'ความสำเร็จและการสืบทอดธุรกิจในยุค AI' ว่า เน็กซ์เจนไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (Generative Artificial Intelligence: GenAI) เช่นเดียวกับเน็กซ์เจนทั่วโลก โดย 79% ของผู้นำรุ่นใหม่ไทยกล่าวว่า AI เป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 73%
"เน็กซ์เจนไทยตระหนักดีถึงโอกาสที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจครอบครัวไปสู่ดิจิทัล แต่ความท้าทายที่ยากยิ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ การเปลี่ยนวัฒนธรรมขององค์กรให้สอดคล้องกับความท้าทายใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรที่บริหารและดำเนินการโดยครอบครัว" นางสาว สินสิริ กล่าว
ทั้งนี้ ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า เน็กซ์เจนไทยนั้นคาดหวังถึงการนำ GenAI มาใช้ขับเคลื่อนนวัตกรรมภายในธุรกิจครอบครัว โดยเกือบครึ่งหนึ่ง (48%) เชื่อว่า การใช้ประโยชน์จาก AI จะช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโต ในขณะที่ 45% กล่าวว่า GenAI จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่บริษัทสร้าง ส่งมอบ และรวบรวมคุณค่าอย่างมีนัยสำคัญในอีกสามปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นความคิดเห็นที่สอดคล้องกันกับ ซีอีโอไทย 61% ที่เชื่อมั่นว่า GenAI จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญเช่นนี้เหมือนกัน
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ผู้นำรุ่นใหม่ไทยจะตระหนักดีว่า GenAI มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจครอบครัวและกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งภายในและภายนอกประเทศ และพวกเขาจะต้องเร่งนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้กับธุรกิจ แต่การสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากผู้นำรุ่นปัจจุบันที่มีความเชื่อแบบดั้งเดิมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเน็กซ์เจนไทย 48% กล่าวว่า มีแรงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในองค์กร ขณะที่ 58% ได้สั่งห้ามการใช้ GenAI หรือยังไม่ได้เริ่มต้นสำรวจเทคโนโลยีนี้ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 49%
เร่งสร้างความไว้วางใจจากการใช้ AI และพร้อมรับมือความเสี่ยง
ผลสำรวจของ PwC ระบุต่อว่า แม้เน็กซ์เจนไทยจะเชื่อว่า GenAI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งช่วยให้มีการตัดสินใจที่ดีขึ้น และผลผลิตของพนักงานมากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังมีความกังวลเรื่องการใช้งาน โดยเน็กซ์เจนไทย 30% กล่าวว่า GenAI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ ตามมาด้วยความรับผิดทางกฎหมาย (27%) และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (27%)
"สิ่งที่ท้าทายสำหรับเน็กซ์เจนไทย คือ การสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากสมาชิกครอบครัวถึงศักยภาพของ GenAI ที่จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของธุรกิจในอนาคต นี่ทำให้ผู้นำรุ่นใหม่ต้องวางกลยุทธ์การใช้ AI ให้เหมาะกับธุรกิจ มีการป้องกันความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ รวมไปถึงแนวทางการปฏิบัติและการกำกับดูแลการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ" นางสาว สินสิริ กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานยังพบด้วยว่า เน็กซ์เจนไทยมีความเข้าใจดีถึงความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจจากการใช้ AI ให้แก่ผู้นำธุรกิจ พนักงาน และลูกค้า โดย 48% กล่าวว่า ธุรกิจครอบครัวมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำในการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ ขณะที่ 88% เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ผู้บริหารและพนักงานควรได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นจาก AI แต่กลับพบว่า มีเพียง 12% เท่านั้นที่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว
"ในยุคที่ AI ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ เน็กซ์เจนไทยควรต้องผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวนำเทคโนโลยี AI มาใช้ปรับปรุงวิธีการทำงานให้มีความทันสมัย รวมถึงมีการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติสำหรับการใช้งานอย่างเหมาะสม มีการป้องกันความเสี่ยงด้านไซเบอร์ รวมไปถึงลงทุนในการพัฒนากำลังแรงงานรูปแบบใหม่ให้สอดรับกับการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของธุรกิจ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ และช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการปกป้องมรดกของครอบครัวให้คงอยู่ต่อไป" นางสาว สินสิริ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: PwC Thailand