นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง รองประธานกรรมการ บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR เปิดเผยว่าบริษัทฯ และบริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือ ESCO ในกลุ่มเอ็กโก ได้จัดตั้งกิจการค้าร่วมในนาม EGCO Engineering & Service and Solartron Consortium โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนในกิจการค้าร่วม ดังกล่าวถึง 61% นั้น และได้รับหนังสือแสดงเจตจำนงการเป็นผู้ชนะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ MAE MOH SOLAR FARM PROJECT BIDS NO. EGAT 3/2565-MM-PV1 และเตรียมพร้อมลงนามในสัญญาจ้าง ภายในเดือน สิงหาคม 2567
ทั้งนี้ โซลาร์ตรอน ในฐานะผู้ผลิต และออกแบบ ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 38 ปี รวมทั้งมีการบริหารจัดการระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power plant ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่แบบครบวงจร มามากกว่า 250 เมกะวัตต์ ได้ร่วมมือกับ ESCO เข้าร่วมประมูลงาน และได้รับ LOI จาก EGAT มาครอบครองได้สำเร็จ ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 937 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง รวมทั้งส่งมอบงานภายในปี 2025
การได้รับ LOI จาก EGAT นี้จะยิ่งช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมาย มีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 20-25% พร้อมเดินหน้าธุรกิจประเภท EPC ซึ่งเป็นบริการออกแบบก่อสร้างแบบครบวงจร รวมถึงเจรจาหาพันธมิตรต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขัน และคว้างานใหม่มากขึ้น ขณะเดียวกัน มีแผนแตกไลน์ธุรกิจพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านธุรกิจคาร์บอนต่ำพลังงานอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ดีทาง โซลาร์ตรอน ได้มีการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยได้คิดค้นแผงสีเซลล์แสงอาทิตย์รูปแบบใหม่ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งมีจุดเด่นคือการนำประโยชน์ ของ Spectrum สีของแสงอาทิตย์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร (Agri-voltaics) นอกจากนี้ยังพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คู่ค้า อีกทั้งยังเพิ่มธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนผ่านธุรกิจลูกค้าไปสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำและให้คำปรึกษาลูกค้าเพื่อเข้าถึงการเงินสีเขียว (Green Finance)
"มั่นใจภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการชนะประมูลงานของภาครัฐและเอกชน การผลิตสินค้านวัตกรรมและการหาพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้โซลาร์ตรอนเป็นผู้นำทางด้านพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน" นางปัทมา กล่าวในที่สุด
ที่มา: ไออาร์เน็ตเวิร์ค