โรคมะเร็งถือว่าเป็นโรคร้ายใกล้ตัวโดยเฉพาะกับผู้หญิง จากรายงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติได้ระบุไว้ว่าชนิดของมะเร็งที่พบในผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุดห้าอันดับแรก ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งปอด และมะเร็งมดลูก ซึ่งผู้หญิงทุกคนล้วนมีโอกาสเป็นได้ทั้งสิ้น ดังนั้นการสร้างความรู้ความเข้าใจ และแนะแนวเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีเมื่อต้องเผชิญกับโรคมะเร็งจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเวิร์กชอปครั้งนี้ ลูกค้าผู้ร่วมกิจกรรมได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับมะเร็ง ตลอดจนวิธีการสังเกตตนเอง การดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล รวมถึงข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับวิธีลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย
คุณอาทิตย์ วรนาวิน หัวหน้าฝ่ายขายผลิตภัณฑ์ยูเซอริน และการตลาดร้านขายยา ประเทศไทย ตัวแทนจากนีเวีย กล่าวว่า "ที่ไบเออร์สด๊อรฟ คำว่า Care หรือความห่วงใย มีความหมายเกินกว่าการดูแลผิวพรรณ และมันยังฝังรากลึกอย่างแข็งแกร่งในวัฒนธรรมองค์กรของพวกเรา การยอมรับและแบ่งปันความห่วงใยซึ่งกันและกันไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ แต่มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงมนุษยธรรม ซึ่งความเห็นอกเห็นใจนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยู่เคียงข้างกันเสมอ โครงการนี้จึงเป็นโครงการที่เราต่อยอดมาจากไบเออร์สด๊อรฟ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเราในประเทศเยอรมนี ที่ต้องการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งทุกประเทศในอาเซียนให้ข้ามผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากไปได้อย่างเข้มแข็ง ครั้งนี้ขอขอบคุณความร่วมมือจากพันธมิตรอันดีของเราอย่างวัตสัน ที่เป็นช่องทางให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมอย่างสะดวก และขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่เห็นความสำคัญของโครงการ และมาร่วมงานในวันนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเผชิญกับโรคร้ายได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้อย่างเข็มแข็งครับ"
นพ. เอกกมล ไพบูลย์วัฒนพงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งว่า "โรคมะเร็งเป็นโรคใกล้ตัวที่พบเจอได้บ่อย โดยเราควรรับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอเพราะการตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะมีแนวโน้มในการรักษาให้หายขาดได้ เพราะทุกวันนี้เรามีนวัตกรรมการรักษาที่หลากหลายและพัฒนามาอย่างมาก อาทิ การรักษาเฉพาะที่ (เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี การจี้ และการทำ TACE) การรักษาทั่วร่างกาย และการรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวิวัฒนาการทางการแพทย์ในการตรวจยีนส์กลายพันธุ์ เพื่อวางแผนวิธีการรักษาให้ดีที่สุดได้อีกด้วย ปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งที่มีอายุเฉลี่ย 20-30 ปีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเวลาคือชีวิต อย่าพยายามหาที่รักษาที่ดีที่สุด แต่ควรไปหาหมอที่รักษาเราได้ดีและเร็วที่สุด เพราะเจอเร็วรักษาหายได้ครับ"
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมส่งต่อความห่วงใยจากการทำถุงผ้าแฮนด์เมดใส่ของใช้จำเป็นสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อเป็นกำลังใจและได้ใช้ประโยชน์สำหรับผู้ป่วย โดยจะส่งมอบผ่านมูลนิธิเครือข่ายมะเร็งแก่ผู้ป่วยต่อไป
ที่มา: สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์