3 โบรกฯ สแกนหุ้นน้องใหม่ NCP พื้นฐานแจ่ม ฟันธงปี 67-68 กำไรโตเด่น เคาะเป้าสูงถึง 2.60 บาท

จันทร์ ๐๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ๑๔:๕๘
3 โบรกฯ "บล.โกลเบล็ก - บียอนด์ - บล.พาย" ประเมินหุ้น IPO น้องใหม่  "NCP" พื้นฐานดี การันตีกำไรปี 2567-68 เติบโตอย่างโดดเด่น เคาะกรอบราคาเป้าหมาย 2.52-2.60 บาท เดินหน้าเข้าตลาด mai หวังระดมทุนขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
3 โบรกฯ สแกนหุ้นน้องใหม่ NCP พื้นฐานแจ่ม ฟันธงปี 67-68 กำไรโตเด่น เคาะเป้าสูงถึง 2.60 บาท

บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า และให้บริการทำการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) ผ่านช่องทางการขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ความสวยงาม และสินค้าเวชสำอาง ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง (House Brand) ภายใต้แบรนด์สินค้า "BN" และจำหน่ายผลิตภัณฑ์คู่ค้าพันธมิตรผ่านช่องทางการขายของบริษัทมากกว่า 42 ราย มีผลิตภัณฑ์สินค้าที่จัดจำหน่ายมากกว่า 57 แบรนด์  203 รายการ ด้วยพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) มามากกว่า 10 ปี ก่อตั้งโดย นายศรัณย์ เวชสุภาพร ผู้มีประสบการณ์การดำเนินงานด้านการทำการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) มามากกว่า 20 ปี และเป็นนายกสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย (Thai Contact Center Association) หรือ TCCTA โดย NCP มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 27.78 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) ภายในปี 2567

การระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ จำนวน 30 ล้านบาท, ก่อสร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำ 10 ล้านบาท, พัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจใหม่และพัฒนาระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงาน จำนวน 5 ล้านบาท และใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 55 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีรายงานบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง ได้ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น NCP ไว้ดังนี้ 1.บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด  นักวิเคราะห์ประเมินราคาเป้าหมายที่เหมาะสมของ NCP ในปี 2567 อยู่ที่  2.52 บาท ประเมินราคาเหมาะสม NCP โดยอิง Prospective PE ที่ระดับ 14 เท่า เท่ากับระดับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจที่ทำเกี่ยวข้องกับ Direct Marketing รวมถึงธุรกิจที่มีการทำ Telesales Marketing โดยคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 2567 อยู่ที่ 0.18 บาท โดยคาดการณ์รายได้ช่วงปี 2567 จะอยู่ที่ 262 ล้านบาท เติบโต 51% จากปีก่อน และปี 2568 คาดที่ระดับ 335 ล้านบาท เติบโตอีก 28% จากปีก่อนหน้า บนสมมติฐาน Best Scenario จากทั้ง 3 ส่วนธุรกิจ คือ ธุรกิจการขายสินค้าผ่านช่องทางการขายทางโทรศัพท์ ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายสินค้าครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) โดยหลักมาจากแผนการเพิ่มจำนวนพนักงาน เพื่อรองรับฐานข้อมูลรายชื่อลูกค้าที่บริษัทมีทั้งหมดกว่า 5 ล้านราย และเพื่อรองรับสำหรับคู่ค้าในธุรกิจใหม่

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดทรงตัวที่ 57% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวม(SG&A/Sales) จะทยอยปรับลดลงสู่ 42% และ 38% ตามลำดับ จากปี 2566 อยู่ที่ 49% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณ 3 ล้านบาท/ปี ทยอยหมดไป รวมถึงการเติบโตในธุรกิจ Upselling Service และ Dedicated Telesale Outsourcing ซึ่งต้นทุนพนักงานจะถูกบันทึกเป็นต้นทุนในการขายและบริการ แตกต่างจากธุรกิจ Telesales ซึ่งต้นทุนจะถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในการขาย ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 32 ล้านบาท เติบโต 159% จากปีก่อน และปี 2568 คาดที่ระดับ 50 ล้านบาท เติบโต 54% จากปีก่อนหน้า

2.บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์และฝ่ายวิจัยกำหนดราคาเป้าหมาย NCP อยู่ที่ 2.52 บาท อ้างอิงจาก P/E ปี 2567 ที่ 12.73 เท่า โดยเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทที่มีการขายสินค้าผ่านช่องทางตนเอง (โทรทัศน์, โทรศัพท์, เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย และแอพพลิเคชั่น) ในต่างประเทศที่พัฒนาแล้วของกลุ่มอุตสาหกรรม Marketing รายเล็กดังกล่าว สะท้อนการเติบโตของผลประกอบการในอนาคตของ NCP ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งประมาณ 25% CAGR ในช่วงปี 2567-69

โดยคาดปี 2567 ผลการดำเนินงานของ NCP จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ภายหลังจากการขยายธุรกิจการให้บริการทั้ง Upselling service และ Dedicated telesales service โดยคาดกำไรสุทธิจะโตเป็น 36 ล้านบาทในปี 2567 และปี 2568 เพิ่มเป็น 55 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยที่ 39% (CAGR ปี 2565-68) หนุนจาก 1.รายได้ในธุรกิจบริการที่เพิ่มขึ้น 2.อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีต่อเนื่องที่ระดับ 60% และ 3.ความสามารถในการควบคุม SG&A/Sales ที่ดีมากขึ้นตั้งแต่ปี 2567

3.บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์ประเมินมูลค่าพื้นฐาน อยู่ที่ 2.60 บาท ด้วยวิธี PE multiple ใช้กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2567 ที่ 0.17 บาท (Fully diluted) กำหนดเป้าหมาย P/E ปี 2567 ที่ 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับ P/E ที่ต่ำกว่ากลุ่ม SERVICE ใน MAI ที่มีค่าเฉลี่ย P/E ย้อนหลัง 4 ไตรมาส และ 8 ไตรมาสที่ 39.7 เท่า และ 53.2 เท่า และเป็นระดับ P/E ที่ต่ำกว่ากลุ่ม SERVICE ใน SET ที่มีค่าเฉลี่ย P/E ย้อนหลัง 4 ไตรมาส และ 8 ไตรมาสที่ 40.4 เท่า และ 38.4 เท่า ตามลำดับ

ทั้งนี้ บริษัทฯ รักษาอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่ 57.5% ในปี 2567-68 ใกล้เคียงกับปี 2566 และ SG&A ต่อยอดขายลดลง เนื่องจากยอดขายที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลง ดังนั้นจึงคาดว่าในปี 2567 กำไรสุทธิของบริษัทฯ จะปรับสูงขึ้นเป็น 31.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149.7% และปี 2568 เพิ่มเป็น 50.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.4% จากปีก่อนหน้า

ที่มา: เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ