ภายใต้สัญญาฉบับนี้ จะมีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสูงสุดได้ถึง 20.96 เมกะวัตต์ บนหลังคาของโรงงานซีเกท จังหวัดนครราชสีมา โดยเอสซีจี คลีนเนอร์ยี่เป็นผู้รับผิดชอบในการลงทุน การบริหารโครงการ และการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้ซีเกทสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใช้เองได้อย่างยั่งยืน
ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงสนับสนุนอนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทยและโลก โดยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และลดการพึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นสังคมที่ใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
นายอรรถพงศ์ สถิตมโนธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด กล่าวว่า "เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยและภูมิภาคให้ไปถึงสังคมคาร์บอนต่ำ และ Net Zero ด้วยการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ลดคาร์บอนไดออกไซด์ในการดำเนินงาน บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับซีเกท ประเทศไทยในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ซึ่งการลงนามในสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดวันนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญของเอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ เนื่องจากเป็นการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาใหญ่ที่สุดตั้งแต่ดำเนินการมา"
นายนรเชษฐ์ แซ่ตั้ง ผู้จัดการประจำประเทศไทย และรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า "ในฐานะนวัตกรชั้นนำทางด้านการเก็บข้อมูลมวลความจุขนาดใหญ่ทั่วโลก ซีเกทให้ความสำคัญต่อการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการสร้างให้เกิดการจัดการข้อมูลอย่างยั่งยืน เราได้เริ่มดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย (moonshot goal) ของเรา โดยการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานทั้งหมดของซีเกท รวมถึงโรงงานซีเกทที่ จ.นครราชสีมา และ ต.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ให้ใช้พลังงานทดแทน 100% สัญญาฉบับนี้จะช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ และยืนยันความมุ่งมั่นของเราในการเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2583"
ที่มา: เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่