ภายในงานครั้งนี้มีกิจกรรมให้ความรู้และแนวทางสร้างรายได้เสริมมากมาย ได้แก่ การผลิตขยายนางพญาชันโรงพรหมจรรย์ การเพาะเลี้ยงแมลงมันเงินล้าน การผลิตเชื้อพันธุ์ครั่งบนต้นจามจุรีที่ปลูกระยะชิดในเชิงพาณิชย์ การตรวจวิเคราะห์น้ำผึ้ง การใช้ผึ้งช่วยผสมเกสรเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การแปรรูปจิ้งหรีด เพพไทด์จากจิ้งหรีดในเครื่องดื่มชะลอการเสื่อมสำหรับผู้สูงอายุ และการใช้มูลจิ้งหรีดเสริมธาตุอาหารในพืช นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตวิธีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผึ้งและแมลงเศรษฐกิจ เช่น สาธิตการทำลิปบาล์ม เทียนไขผึ้งโพรง เยลลี่สมุนไพรผสมน้ำผึ้ง เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจนำไปเป็นแนวทางต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรของตนที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และสามารถขยายตลาด เกิดรายได้เพิ่มขึ้นต่อไป และสำหรับผู้ที่สนใจหาซื้อสินค้าเกษตรของแมลงเศรษฐกิจคุณภาพ ในงานก็มีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์สินค้าแมลงเศรษฐกิจ จากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งแปลงใหญ่ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการให้เลือกสรรเช่นกัน
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผลผลิตน้ำผึ้งจากผึ้งพันธุ์ ผึ้งโพรง และชันโรง รวมกว่า 1.2 หมื่นตัน รวมมูลค่าทั้งในและต่างประเทศราว 2 พันล้านบาท โดยประเทศไทยส่งออกน้ำผึ้งเป็นอันดับที่ 20 ของโลก จากการส่งออกผลผลิตน้ำผึ้งพันธุ์ไปยังประเทศไต้หวัน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และจีน นอกจากนี้ ยังมีการส่งออกครั่งไปยังประเทศ อินเดีย จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น รวมประมาณ 1,103.94 ตัน คิดเป็นมูลค่า 359.33 ล้านบาท และส่งออกจิ้งหรีดไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่น รวมประมาณ 1.46 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1.08 ล้านบาทด้วย โดยกรมส่งเสริมการเกษตรเล็งเห็นโอกาสของการส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อบริหารจัดการกระบวนการผลิตและการตลาด พัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพอย่างต่อเนื่องและเท่าทันสถานการณ์ อันจะทำให้สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และยกระดับคุณภาพการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ขอเชิญชวนเกษตรกร ประชาชน และผู้ที่สนใจ เข้าร่วมกิจกรรม "เปิดโลกแมลงเศรษฐกิจ คุณค่าและความสมดุลแห่งอนาคต" โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 11 - 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านแมลงเศรษฐกิจ จ.ชุมพร
ที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร