ดร. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า เราตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมให้เด็ก ๆ มีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดี และมีพัฒนาการการเติบโตที่สมวัย ที่ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีทีมกุมารแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางและมีประสบการณ์สูง ซึ่งทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในโรคยากของเด็กหลากหลายสาขา เรามีความพร้อมทั้งในด้านสถานที่ ทีมงาน และเครื่องมือ โดยมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเข้ามาใช้ ทำให้สามารถตรวจ วินิจฉัย และรักษาได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว เพื่อส่งมอบทางเลือกของการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐาน ซึ่งในปี 2567 ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Newsweek ให้เป็น โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยได้อันดับที่ 27 จาก 100 โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในภูมิภาค และเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย
นพ. ปรีชา เลาหคุณากร หัวหน้าศูนย์กุมารเวช และแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์ กุมารแพทย์โรคหัวใจในเด็ก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เป็นความพิการแต่กำเนิดที่พบเป็นอันดับ 1 ในบรรดาความพิการแต่กำเนิดทั้งหมด และเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการเสียชีวิตในทารกที่มีความพิการแต่กำเนิด กว่า 25% ของทารกเหล่านี้ต้องได้รับการผ่าตัดหรือการสวนหัวใจเพื่อช่วยชีวิต และกว่า 15% ของเด็กที่มีหัวใจพิการแต่กำเนิดไม่อาจอยู่รอดจนถึงวัยผู้ใหญ่ ถึงแม้สาเหตุของการเกิดโรคหัวใจพิการยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยแวดล้อมที่ช่วยเสริม เช่น กรรมพันธุ์ หรือ ระหว่างที่มารดาตั้งครรภ์ ป่วยเป็นหัดเยอรมัน เบาหวานไม่ได้รับการควบคุม หรือทานยาบางประเภท
ความผิดปกติของหัวใจมีตั้งแต่ผิดปกติเพียงเล็กน้อย เช่น รูรั่วที่ผนังหัวใจ จนถึงผิดปกติที่ซับซ้อนมาก เช่น ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ หลอดเลือด ขนาด และจำนวนห้องหัวใจ เป็นต้น ในกรณีที่มีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย และไม่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ การเจริญเติบโต หรือการใช้ชีวิตในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องรักษาแก้ไขความผิดปกตินั้น เพียงแค่ติดตามสุขภาพเป็นระยะ ๆ ส่วนรายที่มีความผิดปกติมาก มักจะมีอาการหายใจเร็ว หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ออกซิเจนในเลือดต่ำ รวมถึงมีการเจริญเติบโตช้า ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข ส่วนบางรายอาจแก้ไขได้ด้วยวิธีการสวนหัวใจ การผ่าตัดหัวใจเป็นการผ่าตัดใหญ่ซึ่งต้องใช้ทีมศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านหัวใจเด็กและศัลยแพทย์หัวใจเด็กที่ทำงานร่วมกันเป็นทีม สามารถทำการวินิจฉัยและวางแนวทางการรักษาผ่าตัดได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว
จากสถิติของประเทศไทยพบว่า ในแต่ละปี จะจากการสำรวจพบว่า มีเด็กที่ป่วยด้วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดกว่า 8,000 คนต่อปี และเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 3,000 - 4,000 คนต่อปี โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ทำการผ่าตัดเด็กที่ป่วยด้วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดไปแล้วมากกว่า 1,500 ราย ซึ่งในจำนวนนั้น มีเด็กด้อยโอกาสโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดถึง 827 ราย ที่ได้รับความช่วยเหลือในการผ่าตัดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายผ่านโครงการ "รักษ์ใจไทย" ภายใต้การดำเนินงานของ มูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมกับมูลนิธิเด็กโรคหัวใจในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตั้งแต่ปี 2546 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ศ.พญ. ดารินทร์ ซอโสตถิกุล แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์โรคเลือดและมะเร็ง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โรคมะเร็ง เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของเด็กและวัยรุ่นทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทย พบเด็กป่วยเจากการสำรวจพบว่า เด็กไทยเป็นมะเร็ง 1,000 คนต่อปี โดยมะเร็งในเด็กที่พบบ่อย ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งสมองและระบบประสาท ตามลำดับ แม้ว่ามะเร็งในเด็กไม่สามารถป้องกันได้ เพราะไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่อาจเกิดจากโรคพันธุกรรมบางอย่าง เช่น ดาวน์ซินโดรม มารดาสัมผัสสารกัมมันตภาพรังสีหรือสารแกมมาในเอกซเรย์ขณะตั้งครรภ์ แต่หากวินิจฉัยได้เร็วและทำการรักษาในทันที เด็กมีจะโอกาสรักษาให้หายขาดได้กว่า 70-80%
ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีแพทย์สหสาขาที่มีความชำนาญในการวินิจฉัยมะเร็งได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ผู้ป่วยสามารถรับผล CT Scan หรือ MRI ภายใน 1-2 วัน นอกจากนี้ ยังมีพยาธิแพทย์ที่อ่านผลชิ้นเนื้อได้รวดเร็ว สามารถสรุปผลเพื่อเริ่มการรักษาได้ทันที ซึ่งการรักษามะเร็งในเด็กมีหลากหลายวิธี ได้แก่ การให้ยาเคมีบำบัด การฉายแสง และการผ่าตัด ทั้งนี้ การรักษามะเร็งในเด็กโดยส่วนใหญ่จะเป็นการให้ยาเคมีบำบัด โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นหนึ่งในไม่กี่โรงพยาบาลเอกชนไม่กี่แห่งในประเทศไทย ที่สามารถให้ยาเคมีบำบัดหรือคีโมเป็นยามุ่งเป้าในการรักษามะเร็งในเด็ก นอกจากนี้ เรายังมีกุมารแพทย์เฉพาะทาง และทีมสหสาขาที่ครบครัน เช่น เภสัชกรที่มีความเชี่ยวชาญการผสมยาเคมีบำบัด และนักโภชนาการที่ให้คำแนะนำเรื่องการรับประทานอาหารได้อย่างถูกหลักโภชนาการและเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากยา ทำให้สามารถรักษาโรคยากและซับซ้อนได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
พญ. ภาสินี เตชะวิจิตร์ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีแผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด หรือ Neonatal Intensive Care Unit (NICU) ซึ่งให้การดูแลทารกมามากกว่า 30,000 ราย เรามีกุมารแพทย์ทารกแรกเกิด ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง โดยจะดูแลทารกแรกเกิดให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รวมถึงความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างคลอด ไม่ว่าจะเป็น การคลอดที่ใช้ระยะเวลาในระหว่างการคลอดยาวนานเกินไป คลอดยาก หรือทารกอยู่ในท่าผิดปกติ จึงต้องมีทีม NICU อยู่ดูแลตั้งแต่ในห้องคลอดจนกระทั่งทารกมีร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาล
ที่ NICU เรามีทุกความพร้อมในการดูแลทารกแรกเกิดที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยสูงสุดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ตั้งของ NICU ที่อยู่เชื่อมติดกับห้องคลอด ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายทารกได้อย่างรวดเร็วหลังทำการคลอด และยังช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดระหว่างการเคลื่อนย้าย รวมถึง มีห้องผ่าตัดอยู่ใน NICU ทำให้สามารถช่วยเหลือทารกได้อย่างทันท่วงที หากเกิดภาวะฉุกเฉินที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด นอกจากนี้ มีบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการอบรมเฉพาะทางที่พร้อมให้การดูแล ได้แก่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทารกแรกเกิด ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางการดูแลรักษาทารกที่มีภาวะผิดปกติ พยาบาลวิชาชีพที่ได้รับการอบรมเฉพาะทาง ผ่านประสบการณ์โดยตรงที่ดูแลทารกแรกเกิดมานานกว่า 20 ปี รวมถึงกุมารศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านต่าง ๆ ที่ให้การผ่าตัดในกรณีที่เด็กเกิดภาวะผิดปกติ และทารกที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดตั้งแต่แรกเกิด ไม่เพียงเท่านั้น NICU มีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ครบครัน สำหรับทารกแรกเกิดที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดยเฉพาะ เช่น เครื่องช่วยหายใจชนิดความถี่สูง สำหรับทารกแรกเกิดที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของสัญญาณชีพ และเครื่องส่องไฟรักษาภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
ผศ.พญ. มนัสวี ก่อวุฒิกุลรังษี แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เทรนด์การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันส่งผลกระทบต่อเด็กของเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก ถ้าหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการเด็กในยุคปัจจุบันที่เติบโตและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะมีแนวโน้มเสพติดเทคโนโลยี จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตได้ โดยเฉพาะภาวะผิดปกติที่เกิดจากต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ เช่น โรคเบาหวานในเด็กและโรคอ้วน ภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย รวมถึงภาวะเตี้ย ซึ่งหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่ผลกระทบต่อสภาพจิตใจและการปรับตัวของเด็ก
โดย โรคอ้วน เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากขึ้นในเด็ก ซึ่งเกิดจากการเด็กทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้มีน้ำหนักเกิน และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เบาหวาน นอนกรน ความดันหรือไขมันในเลือดสูง ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จึงมีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาที่ให้การดูแลร่วมกันเป็นทีม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับเด็ก เช่น แพทย์ต่อมไร้ท่อที่ดูแลทางด้านโรคเบาหวาน นักโภชนาการที่ให้คำแนะนำด้านการทานอาหาร แพทย์ทางเดินหายใจที่ดูแลเรื่องการนอนกรน และแพทย์ทางเดินอาหารและตับที่ดูแลหากมีภาวะมีไขมันพอกที่ตับ การเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย เป็นอีกภาวะที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ส่งผลต่อการเติบโตของเด็ก จึงควรได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและทำการรักษาทันที นอกจากนี้ ความสูงที่ไม่ตรงตามเกณฑ์ อาจเกิดจากภาวะเตี้ย ซึ่งต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาเพิ่มเติม ส่วนเด็กที่มีส่วนสูงกว่าเกณฑ์ปกติ อาจเกิดจากภาวะการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย ควรพามาตรวจสุขภาพตามวัย ซึ่งที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีการประเมินเพื่อการรักษาเฉพาะบุคคล โดยแพทย์เฉพาะทางด้านโรคต่อมไร้ท่อที่ให้คำปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และรักษาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีพยาบาลเฉพาะทางด้านต่อมไร้ท่อ ที่ให้คำแนะนำและดูแลได้อย่างครบวงจร
ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เรามีกุมารแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อ ที่ผ่านการดูแลเด็กโรคระบบต่อมไร้ท่อจากทั่วโลกมามากกว่า 20,000 ราย รวมถึงแพทย์หลากหลายสาขาที่ให้การดูแลร่วมกันเป็นทีม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับเด็ก นอกจากนี้ เรายังมีความพร้อมทั้งในด้านเทคโนโลยีและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวินิจฉัยและรักษา โดยเรามุ่งหวังให้เด็ก ๆ ทุกคน เติบโตอย่างมีสุขภาพแข็งแรงทั้งด้านสุขภาพและมีพัฒนาการการเติบโตที่ดีสมวัย
สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาได้ที่ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ชั้น 17-18 อาคาร A (คลินิก) โทร. 061 409 1613 (Hotline) หรือโทร. 02 066 8888 และ 1378 (Contact Center)
ที่มา: โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์