คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส เปิดเผยว่า "ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ต่อยอดความสำเร็จจากแบรนด์ "HITORI SHABU" ด้วยการเปิดตัวร้านสุกียากี้ "HITORI SUKIYAKI" ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Chef's Table SUKIYAKI เพื่อเอาใจ Sukiyaki Lovers ด้วยคอร์สสุกียากี้โดยเฉพาะ ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์สุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมแบบไม่มีที่ไหนมาก่อน ซึ่งผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันจาก Master Chef ผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้บรรยากาศเรียบง่ายเหมือนมีเชฟมาปรุงอาหารให้ที่บ้าน"
โดยรูปแบบการให้บริการของ HITORI SUKIYAKI จะเป็นการรับประทานในรูปแบบคอร์ส ที่ทาง Master Chef จะรังสรรค์อย่างพิถีพิถันทีละจาน เริ่มตั้งแต่ เมนู appetizer ที่หลากหลาย เพื่อเปิดต่อมรับรส ตามด้วยเนื้อส่วนต่างๆ สลับกับผัก ในแบบฉบับการรับประทานสุกี้ของคนญี่ปุ่นต้นตำรับ และจบด้วยเมนูของหวานรสชาติสดชื่นอย่างไอศกรีม Sorbet ด้วยการปรุงอาหารทุกคำโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ (Chef's Table)
"จากฐานข้อมูลลูกค้าของ MAGURO ร้านอาหารประเภทสุกียากี้คิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของลูกค้าทั้งหมด จึงมีแนวคิดที่จะต่อยอดมาเป็นสุกี้แบบ Chef's Table เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ซึ่งมีกำลังซื้อสูง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยลูกค้าจะได้เข้าถึงความพรีเมียมภายใต้แนวคิด 'Give More Culture' หรือ 'การให้มากกว่าที่ขอ' เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่า คุ้มราคา และประทับใจกับการเลือกใช้บริการร้านอาหารของเราอยู่เสมอ หลังจากนี้เราก็ยังคงจะเดินหน้าขยายธุรกิจต่อไปอีกเรื่อย ๆ ตามแผนที่ตั้งเป้าไว้อย่างน้อย 11 สาขาในปี 2567 เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามที่คาดไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 30% จากปี 2566"
ทั้งนี้ "HITORI SUKIYAKI" ให้บริการในรูปแบบคอร์สสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ด้วยการปรุงอาหารทุกคำโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ (Chef's Table) ที่จะมารังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบระดับพรีเมียม ทั้งเนื้อวากิว A5 เนื้อพรีเมียมวากิวที่ไม่ได้ผ่านการแช่แข็ง หรือจะเป็นสายหมู ด้วยเมนูเนื้อหมู Iberico เกรดพรีเมียมนำเข้าจากสเปน มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไม่แพ้เนื้อวากิว และไฮไลต์สำคัญคือข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริ จะเปิดให้บริการครั้งแรกในรูปแบบ Stand Alone ที่ เอกมัย 12 เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ในเวลา 11.00-23.00 น. โดยมีที่นั่งให้บริการทั้งหมด 27 ที่นั่ง แบ่งเป็น โซนเคาน์เตอร์ 17 ที่นั่ง และห้องที่มีเชฟบริการส่วนตัว 2 โต๊ะ 6 ที่นั่ง และ 4 ที่นั่ง
ปัจจุบันร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ป ดำเนินกิจการร้านอาหารรวมทั้งหมด 29 สาขา คือ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น 15 สาขา SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีวัตถุดิบพรีเมียม รสชาติถูกปากคนไทย 6 สาขา และ HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 7 สาขา และแบรนด์ใหม่ล่าสุด HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมในรูปแบบ Chef's Table 1 สาขา โดยภายในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนตั้งเป้าจะขยายสาขาร้านอาหารในเครือเพิ่มรวมถึงแผนการเปิดแบรนด์ใหม่รวมกันกว่าอีก 11 สาขา เพื่อรองรับความต้องการของฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ที่มา: Brand Wealth