นายพงศ์สยาม เจริญศรี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท นวศรีแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวเล่า NMT ถือเป็นธุรกิจแรก ๆ ของผู้บริหาร มิสเตอร์บิล ไฮเนคกี้ นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายอเมริกัน ที่มาเมืองไทยและเริ่มมาทำธุรกิจ ตั้งแต่อายุ 19 ปี หรือประมาณ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งธุรกิจแรกของ คุณบิล คือ ธุรกิจรับจ้างทำความสะอาด โดยมีการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดควบคู่ ทำให้ผู้บริหารได้เริ่มรับจ้างผลิตน้ำยาทำความสะอาดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งเกิดก่อนธุรกิจอาหารและโรงแรมเสียอีก โดยทาง NMT เน้นทำ House Store กว่า 85% ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน อาทิ น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาอเนกประสงค์ น้ำยาถูพื้น ฯลฯ กล่าวได้อย่างเต็มปากว่า NMT เป็นธุรกิจที่รับจ้าง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะไม่มีแบรนด์ของตัวเองที่จะมาแข่งกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ ถ้าเป็นสินค้า House Store ทาง NMT จะทำงานให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นระดับโลกในเรื่องสินค้าโภคภัณฑ์ Household อย่าง ยูนิลีเวอร์, เอสซี จอห์นสัน ฯลฯ ที่มีสินค้าที่ติดตลาด เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ด, น้ำยาล้างจานซันไลท์ รวมไปถึงการที่ NMT ได้ทำการผลิต สบู่ ชาวเวอร์เจล แชมพู ยาสระผม ฯลฯ เพื่อซัพพอร์ตธุรกิจในเครือไมเนอร์ทั้งหมดอีกด้วย
ซึ่งในปี 2024 นี้ Key Success Factors ของบริษัท จะชัดเจนยิ่งขึ้น ในการเป็นหน้าใหม่ของวงการอุตสาหกรรม ในสินค้า Personal Care และ Cosmetic ควบคู่กับการ House Store เนื่องจาก NMT เป็นองค์กรที่อยู่มานานในตลาด เป็นองค์กรที่มีสรรพกำลังค่อนข้างดีเยี่ยม คือ ไมเนอร์ ที่มีโรงงานในกลุ่ม 5-6 โรงงาน เราเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียว ที่เป็น Non-Food โดย NMT มีความเชื่อว่า NMT สามารถต่อยอดธุรกิจ และพัฒนาธุรกิจได้มากขึ้นอีก จากการที่ NMT มีความชำนาญและมีกำลังในการผลิตที่ค่อนข้างมีมาตรฐานระดับทั่วโลก จะสามารถทำให้ NMT สามารถประสบความสำเร็จได้ในก้าวต่อไป
โดยทาง NMT มองว่า การผลิตในส่วนของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ยังต้องมีอยู่ต่อไป เพราะเป็นถือเป็นสินค้าหลักมียอดผลิตอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ในอนาคต NMT จะต้องมีสัดส่วนของ Personal Care และ Cosmetic ที่เพิ่มมากขึ้น เพราะ NMT ต้องการมีพื้นที่ใหม่ ๆ ในตลาดให้เกิดขึ้นด้วย ซึ่ง ตลาดของ Cosmetic ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีความแตกต่างจาก House Store พอสมควร เป็นสินค้าที่จะต้องมี Emotional ในการซื้อ การทำกำไรต่อหน่วยอาจจะได้มากกว่าสินค้า House Store มีวิธีการใช้ วิธีการซื้อที่แตกต่าง ซึ่งการมาเริ่มทำตลาด Cosmetic นั้น ทาง NMT มองว่าแม้จะเป็นสิ่งแปลกใหม่ก็จริง แต่มันไม่ใช่เรื่องยาก เพราะกระบวนการผลิตสินค้าเหล่านี้มีอะไรคล้าย ๆ กันอยู่ แต่ต้องเพิ่มความเชี่ยวชาญในกลุ่มสินค้า เพิ่ม Innovation หรือทักษะใหม่ ๆ เข้าไป
นางสาวสมฤดี บูรณ์เจริญ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ บริษัท นวศรีแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวเสริมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Cosmetic ว่า ก่อนหน้านี้ NMT รับทำ OEM เฉพาะ Cosmetic ให้กับมีลูกค้าประมาณ 10 ราย การที่เรามาร่วมงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 ที่ผ่านมา เราต้องการมาบอกทุกคนว่าเราต้องการมุ่งเน้น ด้าน Cosmetic อย่างจริงจัง โดยต้อนรับ อินฟลูเอนเซอร์ ผู้ค้ารายใหม่ที่ต้องการสร้างแบรนด์ หรือลูกค้าที่มีแบรนด์อยู่แล้วเราก็ยินดีร่วมงาน โดย NMT สามารถเริ่มต้นผลิตสินค้าให้กับลูกค้าที่สนใจ ได้ตั้งแต่ 5,000 ชิ้นขึ้นไป ในงบหลักแสนเท่านั้น งานนี้ NMT พร้อมที่จะซัพพอร์ตคำแนะนำด้านผลิตภัณฑ์ พัฒนาสูตรด้วยมาตรฐานการผลิต และ Innovation ต่าง ๆ ที่เรามี
โดย NMT มีทีม R&D ที่เข็มแข็ง มีความรู้ด้าน Clinical พร้อมนวัตกรรมเนื้อครีมที่มีความทันสมัย บำรุงแล้วเห็นผลทันที เสมือนผู้ใช้ไปเข้าบริการที่คลินิกมาจริง ๆ โปรดักส์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าเกิดไอเดียในการผลิตสินค้าที่น่าสนใจแข่งขันในตลาดได้ต่อไป พร้อมด้วยมาตรฐานการรับรองระดับโลก ISO9000 / BRCCP / SMETAฯลฯ ซึ่งหลังจากร่วม Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 มีลูกค้าใหม่ที่สนใจร่วมงานกับเรากว่า 1,000 ราย โดยมีสินค้าที่ได้รับความสนใจ อันดับหนึ่ง คือ ครีมกันแดด และมี วิตามินเซรั่ม, บอดี้เพอร์ฟูม ฯลฯ พร้อมกับการผลักดันผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่ง ที่ตลาดในเมืองไทยยังคงได้รับการตอบรับที่ดีมาโดยตลอดอีกด้วย กับคอนเซ็ปต์ "ผิวสวยใส แบบ 5G" GLOWING / GLASSY / GLAMOROUS / GENTLE / GREAT SKIN
พร้อมโจทย์หลักของ NMT ในการแสดงศักยภาพที่มีพร้อมการพัฒนาความสำเร็จแบบไร้ขอบเขต และไม่มีที่สิ้นสุด ในการก้าวต่อ ๆ ไป ไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน โดยมีจรรยาบรรณในการทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีความจริงใจต่อผู้บริโภค ทำผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ไม่โฆษณาเกินจริง เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ความงามในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นและยั่งยืนต่อไป
ที่มา: FourHundred