นายโจเซฟ สุเชาว์วณิช ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BR Group ซึ่งเป็นผู้ค้นพบและนำเข้าระบบนี้ ได้ออกมากล่าวเปิดเผยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนว่า "การตัดสินใจบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากบริษัทฯ เล็งเห็นถึงปัญหาเรื่องของกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่ถือว่าเป็นปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของอุตสาหกรรมโรงงานภาคการผลิต จึงอยากมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งระบบนี้สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการกำจัดกลิ่นได้เป็นอย่างดี โดยจุดเด่นของระบบนี้คือสามารถสูบน้ำเข้าเครื่องแล้วไม่ต้องพักตกตะกอนเหมือนระบบทั่วไป สามารถสูบน้ำออกไปได้เลย นอกจากนี้น้ำที่ได้หลังจากการบำบัดน้ำเสียแล้วนั้น ยังสามารถนำน้ำกลับมาใช้งานได้เช่นน้ำประปาปกติ อาทิ นำมารดน้ำต้นไม้ และทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งในแต่ละเดือนบริษัทฯ นำน้ำเหล่านี้กลับมาใช้งานจำนวนประมาณ 10% ของน้ำที่ได้ทำการบำบัดแล้วทั้งหมด และยังช่วยปรับระบบมาตรฐานในการปล่อยออกสู่สาธารณะ ซึ่งปกติจะอยู่ที่ 20 มิลลิกรัม แต่ระบบนี้ทำให้น้ำสะอาดอยู่ที่แค่ 2-2.5 มิลลิกรัม ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไป"
BR Group ได้ดำเนินการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียชั้นนำนี้ ที่โรงงานแปรรูปของบริษัทฯ ทั้งหมดทุกแห่ง โดยได้ลงทุนติดตั้งระบบพร้อมเครื่องจักรในการดำเนินงานบำบัดน้ำเสียด้วยเงินลงทุนมากกว่า 50 ล้านบาทนอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทฯ ยังเริ่มปรับการดำเนินงานสู่ Zero Waste คือ 1.) Avoid หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้มีน้ำเสียเกิดมากขึ้น 2.) Reduce ลดการใช้ ละเว้นของฟุ่มเฟือย โดยการลดใช้ทรัพยากรลง 3.) Reuse ใช้ซ้ำนำกลับมาใช้ใหม่ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแล้วยังสามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย และ 4.) Recycle การนำกลับมาแปรสภาพให้เหมือนใหม่
"การมุ่งดำเนินงานในรูปแบบ ESG นอกจากทำให้ BR Group สามารถสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และชุมชนโดยรอบแล้ว ยังช่วยให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนอีกด้วย โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ขององค์กร แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่จะนำพาบริษัทสู่ความสำเร็จในอนาคต" นายโจเซฟ กล่าวปิดท้าย
ที่มา: Brand Wealth