คุณวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร BBLAM กล่าวถึง ความสำเร็จของทั้งกองทุน B-INNOTECH และกองทุน B-BHARATA ว่า มาจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบริษัทจัดการลงทุนต่างประเทศชั้นแนวหน้าของโลกในการให้ข้อมูลสนับสนุนโอกาสลงทุนแก่นักลงทุนและตัวแทนขายให้เท่าทันสถานการณ์และมีความต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนได้รับทราบถึงความสม่ำเสมอในการบริหารจัดการของทั้ง 2 กองทุน เพื่อให้ผลตอบแทนที่ออกมาเหมาะสมกับความเสี่ยง ซึ่งแน่นอนว่า ในบางขณะผลตอบแทนอาจไม่ได้เป็นที่หนึ่งเสมอไป แต่เมื่อเทียบผลตอบแทนกับความเสี่ยงในการลงทุนก็มีความโดดเด่นจนได้จากความเชื่อมั่นจากนักลงทุน อย่างไรก็ดี ผลสำเร็จในการลงทุนโดยรวมของนักลงทุนย่อมเกิดจากการจัดสรรเงินของแต่ละท่านไปสู่กองทุนหรือสินทรัพย์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและสถานภาพของผู้ลงทุนแต่ละรายเป็นสำคัญด้วย
ทั้งนี้ B-INNOTECH เลือกลงทุนในหน่วยลงทุน Fidelity Funds - Global Technology Fund เป็นกองทุนหลักกองทุนเดียว เช่นเดียวกับกองทุน B-BHARATA ที่ลงทุนในหน่วยลงทุน RAMS Investment Unit Trust - India Equities Portfolio Fund II เป็นกองทุนหลัก โดยทั้ง 2 กองทุนนี้มีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2567 BBLAM มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ของกองทุนกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีกว่า 23,135 ล้านบาท โดยเป็นกองทุน B-INNOTECH กว่า 9,261 ล้านบาท กับกองทุนกลุ่มหุ้นอินเดียมี AUM กว่า 5,236 ล้านบาท โดยเป็นกองทุน B-BHARATA กว่า 2,417 ล้านบาท
ผู้สนใจลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ง่าย ๆ โดยซื้อหน่วยลงทุนผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือผ่าน BF Fund Trading จาก BBLAM เอง ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BBLAM โทร. 02-674-6488 กด 8 หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง
ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน
กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ที่มา: บลจ.บัวหลวง