ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รอง ผอ. สวทช. กล่าวว่า จากความสำเร็จในการติดตั้งและนำร่องการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ"EnPAT" น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัยจากปาล์มน้ำมันไทย เครื่องแรกร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2567 เป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความก้าวหน้าของไทยในการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำของประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล แต่ยังช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรในประเทศอย่างปาล์มน้ำมัน ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่ต้องการกระตุ้นปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มผ่านความต้องการผลิตภัณฑ์โอเลโอเคมีเป้าหมาย ทั้งนี้ น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพเป็น 1 ใน 8 ผลิตภัณฑ์โอเลโอเคมีเป้าหมาย ที่จะมีการผลักดันให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์ในประเทศ และเป็นการดำเนินงานที่สอดรับกับนโยบายของประเทศไทย ในการขับเคลื่อนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ.2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ.2608
EnPAT มีคุณสมบัติเด่นคือจุดติดไฟที่อุณหภูมิสูงกว่า 300 องศาเซลเซียส ช่วยป้องกันการเกิดอัคคีภัยจากเหตุการณ์หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด และสามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ นับเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างมาตรฐานของประเทศที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาจากปาล์มน้ำมัน การกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจนเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศก้าวหน้าในอุตสาหกรรมโอเลโอเคมีและส่งเสริมการใช้งานภายในประเทศ มาตรฐานที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ผลการทดสอบการนำร่องใช้งานน้ำมัน EnPAT ในครั้งนี้จะถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพฉบับแรกของประเทศ
ศ.ดร.อาภาณี เหลืองนฤมิตชัย ประธานคณะอนุกรรมการ แผนงานกลุ่มพลังงานเคมีและวัสดุชีวภาพ บพข.กล่าวว่า บพข. มีภารกิจหลักในการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ โดยผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ทำให้งานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงพาณิชย์ โครงการพัฒนาและนำร่องใช้งาน EnPAT น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัยจากปาล์มน้ำมันไทย เป็นตัวอย่างความสำเร็จของการบูรณาการร่วมกันของหลายภาคส่วนที่เป็นองค์กรหลักในอุตสาหกรรมน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าของประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนถึง 9 หน่วยงาน และยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเทศบาลตำบลเสม็ด จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลพื้นที่และทำงานอย่างใกล้ชิดกับประชาชนอีกด้วย โครงการวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนผลงานวิจัยให้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ผลสำเร็จของโครงการจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันของประเทศ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการลงทุนในการวิจัยพัฒนาที่นำไปสู่การสร้างอุตสาหกรรมโอเลโอเคมีมูลค่าสูง
นายประสงค์ ดีลี ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม กฟภ. กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่เป็นหน่วยงานแรกในการนำร่องติดตั้งและใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุน้ำมัน "EnPAT" เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้กับอาคารสำนักงานและบ้านเรือนของประชาชน ในพื้นที่ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยทำการติดตั้งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ตอบกลยุทธ์ในการดำเนินงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การนำร่องใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าที่บรรจุน้ำมัน EnPAT ครั้งนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้าภายใต้สภาวะการใช้งานจริง เพื่อประเมินสมรรถนะของหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังได้ร่วมมือกับทีมวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ ENTEC สวทช. ในการขยายผลการใช้งานน้ำมัน EnPAT ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าของประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะติดตั้งและใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT เพิ่มเติม ในพื้นที่ที่เหมาะสมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมุ่งมั่นที่จะผลักดันและส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงกว้าง และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ ENTEC สวทช. กล่าวว่า น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า EnPAT เป็นผลงานวิจัยภายใต้ "โครงการพัฒนาน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพชนิดติดไฟยากจากน้ำมันปาล์ม และนำร่องการทดสอบภาคสนามเชิงบูรณาการ เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน" ซึ่งวิจัยและพัฒนาโดยทีมวิจัยเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ ENTEC สวทช. โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) บริษัท พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้เริ่มคิดค้นและพัฒนาต้นแบบ EnPAT น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัยจากปาล์มน้ำมันไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 โดย EnPAT ได้ผ่านการทดสอบต่างๆในห้องปฏิบัติการ เช่น การทดสอบการเสื่อมสภาพในสภาวะเร่งที่มากกว่า 6,000 ชั่วโมง การทดสอบความสามารถในการปกป้องกระดาษฉนวน รวมทั้ง การทดสอบประสิทธิภาพในสภาวะเร่งโดยทำการทดสอบในหม้อแปลงไฟฟ้าจริงที่ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในด้านของกระบวนการผลิต ทีมวิจัยได้ดำเนินการขยายขนาดการผลิตจากระดับห้องปฏิบัติการ มาสู่ขนาด 40 ลิตรต่อครั้ง และปัจจุบันได้พัฒนามาสู่ระบบการผลิตที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 400 ลิตรต่อครั้ง โดยกระบวนการผลิตดังกล่าวตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
ดร.บุญญาวัณย์ อยู่สุข หัวหน้าโครงการ กล่าวถึงแนวทางการผลักดันให้เกิดการใช้งานน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพเชิงพาณิชย์ ทีมวิจัยได้แบ่งออกเป็น 3 แผนงานหลัก คือ แผนงานที่ 1 เป็นการใช้งาน EnPAT ในหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 1.1) การนำร่องใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT เครื่องแรกร่วมกับ กฟภ. 1.2) การขยายการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าของ กฟภ. ที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ 1.3) การใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ในพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วยการสนับสนุนจากการไฟฟ้านครหลวง และ 1.4) การขยายการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT เข้าไปในหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้งานในทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง นอกจากนั้น ทีมวิจัยยังมีแผนที่จะเปิดให้ผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ารายต่างๆ ภายในประเทศที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ามีโอกาสได้ใช้งาน EnPAT ในหม้อแปลงไฟฟ้าแบบต่างๆ อีกด้วย สำหรับแผนงานที่ 2 เป็นการนำ EnPAT ไปใช้ในหม้อแปลงไฟฟ้าที่ติดตั้งและอยู่ระหว่างการใช้งาน โดยหม้อแปลงไฟฟ้าลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะบรรจุด้วยน้ำมันแร่และเมื่อถึงวงรอบในการซ่อมบำรุง อาจจะต้องมีการเปลี่ยนเอาน้ำมันแร่ที่เสื่อมสภาพออก แล้วใส่น้ำมันหม้อแปลงใหม่เข้าไปทดแทน หากสามารถนำ EnPAT ไปใช้ในการซ่อมบำรุงหม้อแปลงทดแทนน้ำมันแร่ได้ ก็จะสร้างผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งเป็นการค่อยๆผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากน้ำมันแร่สู่น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพได้ทั้งหมด และแผนงานที่ 3 คือความพยายามผลักดันให้เกิดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ของน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพฉบับแรกของประเทศ
ที่มา: NECTEC