เอสซีจี ร่วมลงทุนสตาร์ตอัปดาวรุ่ง The LivingOS ผู้นำการบริหารคอนโดมิเนียมหมู่บ้านและชุมชน มุ่งยกระดับการอยู่อาศัย-ดูแลบ้านครบวงจร พร้อมผลักดันแพลตฟอร์มสู่อาเซียน

อังคาร ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ๑๓:๐๒
เอสซีจี ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับบริษัทเดอะ ลีฟวิ่ง โอเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (The LivingOS) ผู้นำระบบ On Cloud ERP (Enterprise Resource Planning) ในการบริหารงานหลังบ้านจัดการคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านทั่วประเทศไทย ผ่านการควบรวมกิจการและแลกเปลี่ยนหุ้นกับ Urbanice บริษัทสตาร์ตอัปของเอสซีจี พร้อมตั้งเป้าส่งแพลตฟอร์ม The LivingOS ให้บริการและเข้าถึงผู้อยู่อาศัยครบ 1 ล้านรายภายในปี 2569 ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการผนวกจุดแข็งของเอสซีจีในฐานะผู้นำด้านวัสดุก่อสร้าง กับเทคโนโลยีของ The LivingOS ซึ่งจะทำให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านการอยู่อาศัยและการดูแลบ้านได้ครบวงจรยิ่งขึ้น ตามกลยุทธ์การขยายธุรกิจค้าปลีกและการจัดการชุมชนในอาเซียนของเอสซีจี นอกจากนั้น ความร่วมมือดังกล่าวยังส่งผลให้ The LivingOS มีมูลค่าสูงเกือบ 1 พันล้านบาท ขึ้นแท่นเบอร์ 1 แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการบริหารงานหลังบ้านจัดการคอนโดมิเนียมและหมู่บ้าน ที่เข้าถึงเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยกว่า 3 แสนรายต่อเดือนได้โดยตรงมากที่สุดในประเทศอีกด้วย
เอสซีจี ร่วมลงทุนสตาร์ตอัปดาวรุ่ง The LivingOS ผู้นำการบริหารคอนโดมิเนียมหมู่บ้านและชุมชน มุ่งยกระดับการอยู่อาศัย-ดูแลบ้านครบวงจร พร้อมผลักดันแพลตฟอร์มสู่อาเซียน

นายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล กล่าวว่า "เอสซีจีลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมขององค์กร โดยเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างและการอยู่อาศัยอย่างก้าวกระโดด ซึ่งการร่วมมือกับ The LivingOS จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Ecosystem ของธุรกิจดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล และเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์ม อาทิ 'SCG HOME Online' แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและบริการที่มีมาตรฐาน และ 'คิวช่าง' แพลตฟอร์มสำหรับหาช่าง ทั้งงานติดตั้ง ต่อเติม และบริการหลังการเข้าอยู่อาศัย เป็นต้น

การลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ในการเติบโตด้วยนวัตกรรมของเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ที่มุ่งเน้นการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้อยู่อาศัยตลอด Ecosystem ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ครอบคลุมตั้งแต่การก่อสร้าง จัดจำหน่าย และอยู่อาศัย อีกทั้งจะช่วยเสริมให้เอสซีจีสามารถต่อยอดธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มี และสามารถขยายเครือข่ายไปยังต่างประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การนำความแข็งแกร่งของเอสซีจีในด้านการเป็นผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างของไทยและอาเซียน มาผนวกกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีของ The LivingOS จะช่วยตอบสนองความต้องการด้านการอยู่อาศัยและการดูแลบ้านได้อย่างสมบูรณ์"

นางสาวธนาวดี เชี่ยวชาญโชคชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเดอะ ลีฟวิ่ง โอเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า "ภายหลังการลงทุนของเอสซีจี การผนวกกันของ 2 แพลตฟอร์ม ทำให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจระบบบริหารงาน Property & Community Management มากกว่าร้อยละ 50 ในไทย และยังมีแผนขยายการเข้าถึงผู้อยู่อาศัยครบ 1 ล้านรายภายในปี 2569 โดยแพลตฟอร์มของเราจะสร้างคุณค่า 3 ระยะ คือ ระยะแรก - ต่อยอดโดยนำเทคโนโลยีใหม่ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาพลิกโฉมการบริหารโครงการแบบ Smart Property Management รวมถึงยกระดับความปลอดภัยภายในโครงการด้วยระบบ Smart Security ระยะที่ 2 - พัฒนาให้ The LivingOS เป็น 'Smart Life Buddy' ของลูกบ้าน ที่จะใช้ Data Analytics ประมวลผลและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใน Ecosystem ของเอสซีจี มาตอบสนองความต้องการเรื่องบ้านและการใช้ชีวิตในชุมชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และระยะที่ 3 - มีแผนเพิ่มโอกาสการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มเจ้าของบ้านและผู้เช่าด้วยแนวคิด Smart Property Matching ในอนาคต โดยนำฐานข้อมูลคอนโดมิเนียมและบ้านกว่า 1 ล้านยูนิตในระบบ มาสร้างโอกาสซื้อ-ขาย-เช่า ให้กับเจ้าของ นักลงทุน และผู้ซื้อผู้เช่าที่ต้องการ ทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค"

The LivingOS สตาร์ตอัปสัญชาติไทย เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการจัดการอาคารคอนโดมิเนียมและหมู่บ้าน โดยเชื่อมต่อตั้งแต่ระบบหลังบ้าน อาทิ ระบบวางแผนทรัพยากรในองค์กร (ERP) ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับลูกบ้านผ่านโมบาย แอปพลิเคชัน โดยได้รวบรวมและประมวลผล Big Data จากกว่า 2,500 โครงการ ครอบคลุมที่อยู่อาศัยกว่า 1 ล้านยูนิต มาพัฒนาเป็นฟีเจอร์ที่แก้ปัญหาให้นิติบุคคลและผู้ดูแลอสังหาริมทรัพย์ ช่วยลดต้นทุนในการบริหารโครงการ ซึ่งตลอด 5 ปีที่ให้บริการ The LivingOS บริหารโครงการ ดูแลการเงินผ่านระบบแล้วกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ปัจจุบันมีลูกบ้านที่ใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อจัดการที่อยู่อาศัยและเลือกซื้อสินค้าและบริการ ประมาณ 1 แสนรายต่อเดือน

ด้าน Urbanice เป็นธุรกิจสตาร์ตอัปที่เอสซีจีลงทุนมาตั้งแต่ปี 2561 จากการเล็งเห็นถึงปัญหาของผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมที่ขาดช่องทางติดต่อสื่อสารและการบริหารงานด้านอื่น ๆ Urbanice จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแอปพลิเคชันสำหรับลูกบ้านในการจัดการชุมชน ทั้งงานพัสดุ การสื่อสารในชุมชน รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของลูกบ้าน ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน (Active User) กว่า 200,000 รายต่อเดือน จากประมาณ 1,000 โครงการทั่วประเทศ ถือเป็นเบอร์ 1 แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับบริหารชุมชนคอนโดมิเนียมและหมู่บ้าน ที่มีลูกบ้านและนิติบุคคลใช้งานมากที่สุด

ที่มา: เอสซีจี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ