ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการย้ายหุ้นสามัญของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค หมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ จากกลุ่มอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป
โดยการย้ายกระดานเข้าเทรดในตลาด SET ครั้งนี้ จะช่วยยกระดับองค์กรเข้าสู่แหล่งระดมทุนระยะยาวที่มีศักยภาพ เพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ถือหุ้น, นักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งในด้านผลการดำเนินงาน และการกำกับดูแลกิจการที่ดี อีกทั้งยังเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น ตลอดจนทำให้บริษัทฯ รวมถึงผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักของสาธารณชนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสในการหา และเข้าร่วมลงทุนของพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการเตรียมรองรับแผนนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Spin-off) เบื้องต้นเตรียมยื่นคำขอเพื่อเสนอขายหุ้น (ไฟลิ่ง) บริษัทลูก "Lab Pharmacy" ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ช่วงต้นปี 2568 ก่อนจะยื่นไฟลิ่งโรงพยาบาลนครพัฒน์ในปี 2569 ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ดร.ตฤณวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินการไตรมาส 2-4 /2567 ยังคงสดใส หนุนภาพรวมครึ่งแรกของปี 2567 แกร่ง ซึ่งจะผลักดันให้ภาพรวมทั้งปี 2567 เติบโตตามเป้าหมาย 25-30% อยู่ที่กว่า 2,200 ล้านบาท ภายใต้แผนกลยุทธ์ขยายร้าน Lab Pharmacy เพิ่มเป็น 40 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน 34 สาขา พร้อมเดินหน้าคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมขั้นสูงตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ ล่าสุด ในปี 2567 บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา แบ่งโครงสร้างธุรกิจใหม่ออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจลูกค้าโรงพยาบาล (Hospital Market), 2.กลุ่มธุรกิจลูกค้าผู้บริโภค (Consumer Market), 3.กลุ่มธุรกิจดูแลและส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ (Animal Healthcare), 4.กลุ่มธุรกิจร้านขายยาภายใต้แบรนด์ "Lab Pharmacy" และ5.กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลและคลีนิค (Hospital Business)
ที่มา: บียอร์นไออาร์