นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ประกอบธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา เปิดเผยแผนงานครึ่งปีหลัง 67 ว่าบริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมและกำไรจะเติบโตมากกว่าปี 2566 ที่ แม้ว่ากำลังการผลิตไก่จะยังอยู่ในระดับเดิม แต่ประสิทธิภาพในการบริหารดีกว่าปีก่อน มีอัตราแลกเนื้อ เพื่อให้ไก่มีน้ำหนักตัวที่เพื่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากภาพรวมอุตสาหกรรม และการบริโภคที่มีการขยายตัว สอดคล้องกับภาคบริการอาหารที่คึกคัก และเนื้อไก่ยังเป็นที่นิยมสำหรับแหล่งโปรตีนชั้นดี
นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อรับสัญญาจากผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มเติม โดยบริษัทจะพิจารณาตามดีมานด์ของตลาด และสัญญาที่ให้กำไรกับทางบริษัทมากที่สุดเท่านั้น ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มโรงเรือนและก่อสร้างฟาร์มใหม่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งแต่ละฟาร์มจะมีงบลงทุนและขนาดต่างกันไป คาดว่าน่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 2567 และสามารถรับรู้รายได้ในปลายปี 2568
"ตอนนี้เราอยู่ในช่วงของการศึกษาสร้างฟาร์มใหม่ 2 แห่ง และ/หรือ การสร้างโรงเรือนเพิ่มเติมในฟาร์มเดิม แต่ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่า แต่ละฟาร์มเราจะมีกี่โรงเรือน และจะเลี้ยงไก่ได้เท่าไร ทำให้เรายังไม่สามารถตอบได้ว่าฟาร์มใหม่นั้นจะทำให้รายได้ในปี 2569 เราโตได้เท่าไรจากอดีตที่ผ่านมา เพราะขึ้นอยู่กับพื้นที่ แต่ที่ผ่านมา เฉลี่ยแต่ละฟาร์มก็จะเลี้ยงไก่ได้ประมาณ 4 แสนตัว ซึ่งแต่ละปีเราจะเลี้ยงได้ ประมาณ 4-5 รอบ" นายชูรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตามในอนาคตบริษัทมีแผนการขยายฟาร์มต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโต และการบริโภคเนื้อไก่แต่ละปีก็มีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 3-4% จากเป็นโปรตีนที่มีราคาถูก ขณะที่ประเทศไทยมีการส่งออกไก่ไปต่างประเทศเช่นกัน จากที่คู่สัญญาของบริษัทนั้นเน้นการส่งออกเนื้อไก่ไปต่างประเทศ ประกอบกับการที่รัฐบาลมีการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศมุสลิมนั้น ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการเนื้อไก่ที่สูง ทำให้อนาคตบริษัทยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจของบริษัทเองนั้นมีความเสี่ยงที่ต่ำ เพราะบริษัทเป็นผู้เลี้ยงไก่เท่านั้น ส่วนเรื่องการจัดหาลูกไก่ อาหารและเวชภัณฑ์ทางคู่สัญญาเป็น ผู้จัดหาให้
สำหรับผลประกอบการภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 รายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อตามพันธะมีรายได้จากการขาย 104.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.30 ล้านบาท หรือ 9.79% จากอัตราเลี้ยงรอดเพิ่มขั้น 2.40% หรือ 96.00% เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 93.60% ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.17 ล้านบาท
ที่มา: ธามดี พลัส