นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่สองของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 50.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนปีที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.28 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่สองของปี 2567 อยู่ที่ 145.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 142.02 ล้านบาท
โดยกำไรสุทธิ และรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจให้บริการที่จอดรถ หรือ PS ที่เพิ่มขึ้น 7.88 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.68% และรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหาร จัดการพื้นที่จอดรถ หรือ PMS ที่เพิ่มขึ้น 1.02 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 5.00% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ให้บริการ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาสที่สองของปี 67 อยู่ที่ 30.08% ซึ่งสูงกว่ากำไรขั้นต้นในช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23.48% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 17.82% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 12.17% โดยสาเหตุการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นตน และอัตรากำไรสุทธิมาจากรายได้ และความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ PS และธุรกิจ CIPS ที่เพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกัน บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถมีผลดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารลานจอดรถในปี 2567 แตะ 40,000 ช่องจอด คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 30% รวมถึงแผนที่จะขยายธุรกิจในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการขยายการบริหารจัดการลานจอดรถให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ๆ คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ในปี 2567 และการเพิ่มขึ้นของอาคารจอดรถในบริเวณระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้ามหานครที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ช่องจอดภายในปี 2569 โดยบริษัทมุ่งเน้นที่จะเพิ่มสัดส่วนในการเข้ารับงานบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ หรือ PMS ให้เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรที่สูง รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถอัตโนมัติ "Prompt Park" เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการมากยิ่งขึ้น และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ที่มา: กลอรี่ แบรนดิ้ง