พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.2150 บาทต่อหน่วยทรัสต์ กำหนดจ่ายเงินออกให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 16 กันยายน 2567 และจะมีการประกาศขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิรับเงินปันผล (XD) ในวันที่ 30 ส.ค. 2567
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า “ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2567 แข็งแกร่งด้วยรายได้และกำไรที่เติบโตขึ้น สำหรับทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติมเมื่อปีที่ผ่านมา โครงการ BFTZ 2 เทพารักษ์ และโครงการ BFTZ 3 บางนา-ตราด กม.19 มีผู้เช่าเต็ม 100% ทั้ง 2 โครงการ จากศักยภาพทั้งทางด้านสิทธิประโยชน์ของพื้นที่ Free Zone รวมถึงตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ บางนา-ตราด ทำเลทองของภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งผู้เช่าส่วนใหญ่ของทุกโครงการภายใต้การจัดการของ PROSPECT REIT เป็นธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมชั้นนำซึ่งมีความมั่นคงและสอดรับกับแนวโน้มการเติบโต ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการที่คำนึงถึงปัจจัยรอบด้าน ทั้งขนาดพื้นที่เช่าและสัญชาติของผู้เช่า ไม่มีรายใดใน 10 อันดับแรกมีสัดส่วนเกิน 10% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน"
สำหรับแผนงานในช่วงครึ่งปีหลัง PROSPECT REIT ปักธงโตต่อ ล่าสุดประกาศกำหนดวันประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ ครั้งที่ 1/2567 ในเดือนกันยายน เพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 และลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 3 โดยจะเข้าลงทุนในที่ดินและอาคารเพิ่มเติมภายในโครงการเดิม ได้แก่ โครงการ BFTZ 1 บางนา-ตราด กม.23, โครงการ BFTZ 2 เทพารักษ์, โครงการ BFTZ 3 บางนา-ตราด กม.19 พื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้น 221,678 ตร.ม. ขยายพื้นที่ให้เช่าภายใต้การจัดการของ PROSPECT REIT สู่กว่า 500,000 ตร.ม. และดันมูลค่าสินทรัพย์รวมมุ่งสู่เป้าหมายที่วางไว้ จากปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ 5,400 ล้านบาท
“จากสัญญานการส่งออกของไทยที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในปี 2567 สอดรับกับการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ช้าแต่มั่นคง ส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ยังคงเห็นแนวโน้มที่ดี มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น มูลค่าเงินลงทุน 458,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นำโดย 3 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า, ยานยนต์และชิ้นส่วน, เกษตรและแปรรูปอาหาร และเป็นการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ถึง 325,736 ล้านบาท หรือ 71% จากมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 16% สะท้อนพื้นฐานที่ดีของประเทศไทยสำหรับการตั้งฐานการผลิต ในด้านการลงทุนยังคงต้องจับตาดอกเบี้ยขาลงซึ่งสะท้อนโอกาสดีของการลงทุนใน REIT ที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอในระยะยาว กลุ่ม Industrial REIT เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่โดดเด่นมีรายได้จากการให้เช่าเข้ามาต่อเนื่องทุกเดือนตามสัญญา และจุดแข็งของ PROSPECT REIT คือคุณภาพของทรัพย์สินในทำเลศักยภาพที่พร้อมเติบโตไปกับทุกเมกะเทรนด์ ภายใต้นโยบายการลงทุนที่แข็งแกร่ง การบริหารจัดการด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าลงทุนในทรัพย์สินรูปแบบ Freehold มากขึ้น เพิ่มเสถียรภาพและส่งต่อผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนได้ตามที่คาดการณ์” นางสาวอรอนงค์ กล่าวสรุป
ที่มา: พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์