งาน “อว.แฟร์” นับเป็นมหกรรมสุดยิ่งใหญ่ที่รวมสหวิทยาการทั้งด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีกิจกรรมที่เต็มไปด้วยสาระมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนวัตกรรมเทคโนโลยีของไทยและนานาชาติ บูธแสดงผลงานจากผู้ประกอบการและสตาร์ตอัป บูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฐานงานวิจัยการันตีรางวัลจากหลายเวที และที่กำลังอยู่ในกระแสสังคมทั่วโลกเห็นจะหนีไม่พ้นเรื่อง Soft Power โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ Soft Power ที่มีอยู่ในสถาบันการศึกษา
แน่นอนว่า Soft Power ของไทยที่ทรงพลังที่สุดก็ได้แก่เรื่องอาหารการกิน หากแท้ที่จริงแล้วไทยเรายังมี Soft Power รูปแบบอื่นๆ อีก ยกตัวอย่างเช่นศิลปะการแกะสลักที่พูดได้ว่า งานแกะสลักผักผลไม้ของไทยนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ประเทศอื่นลอกเลียนได้ยาก และเมื่อนึกถึงความเป็นไทยในสายงานบริการและการท่องเที่ยว เชื่อว่าโรงแรมดุสิตธานีต้องถูกนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ เช่นเดียวกับสถาบันอุดมศึกษาในเครืออย่างวิทยาลัยดุสิตธานี ก็มักได้รับการกล่าวถึงหากใครต้องการทักษะและความรู้ความเชี่ยวชาญที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างเช่นงานแกะสลักผักผลไม้ดังกล่าว
ดังนั้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา วิทยาลัยดุสิตธานีจึงได้รับเชิญให้เข้าร่วมจัดแสดงกิจกรรมพื้นที่เวทีย่อย (Mini Stage) ภายในงาน “อว.แฟร์” โดยมี อาจารย์ภาวนา จันมาลา อาจารย์ผู้สอนด้านการแกะสลักผักผลไม้ของวิทยาลัย เป็นวิทยากรนำเสนอผลงานภายใต้หัวข้อ “การต่อยอดผลลัพธ์จากการเรียนรู้จากวิชาแกะสลักผักและผลไม้” ด้วยการหมัก ดอง และเชื่อม
การแกะสลักผักและผลไม้นั้นเป็นวิชาที่นักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานี ทั้งสาขาศิลปะการประกอบอาหารและสาขาการจัดการโรงแรมสามารถเลือกเรียนได้ การได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จึงแสดงให้ทุกคนเห็นว่า จะเรียนการโรงแรมหรือการทำอาหารก็สามารถติดอาวุธเสริมให้กับตนเองได้ อีกทั้งอาวุธเสริมนั้นยังอาจกลายมาเป็นอาชีพเสริมหรือแม้แต่อาชีพหลักได้ด้วย
และยิ่ง Soft Power กำลังเป็นดังเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยแล้ว การได้เรียนทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องย่อมจะทำให้ผู้เรียนมีทางเลือกในการประกอบอาชีพที่หลากหลายกว่าอย่างแน่นอน
ที่มา: วิทยาลัยดุสิตธานี