สำหรับครึ่งปีแรก ปี 2567 TAA ขนส่งผู้โดยสารไปแล้วรวม 10.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราขนส่งผู้โดยสารเติบโตอย่างแข็งแกร่งอยู่ที่ร้อยละ 92 โดยมีฝูงบินรวม 57 ลำ สอดคล้องกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งตลาดในและต่างประเทศ
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ปี 2567 สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยจีน มาเลเซีย และอินเดีย เป็นนักท่องเที่ยว 3 อันดับแรก ซึ่ง TAA เป็นสายการบินหลักในการขนส่งนักท่องเที่ยวทั้ง 3 สัญชาติ พร้อมมีเครือข่ายบินที่แข็งแกร่ง บินตรงเชื่อมไทยสู่จีน 12 ปลายทาง และอินเดีย 11 เส้นทาง
ไตรมาสที่ 2 เริ่มเข้าสู่นอกฤดูการท่องเที่ยว แต่ AAV ยังรักษามาตรฐานการดำเนินงานน่าพอใจ โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 11,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA อยู่ที่ 1,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ถึงแม้จะรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในไตรมาส 2 อยู่ที่ (226) ล้านบาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 84 ล้านบาทจากผลการดำเนินงานหลักที่ดีขึ้น
“ไตรมาสที่ 2 บริษัทมีอัตราขนส่งผู้โดยสารสูงอยู่ที่ร้อยละ 91 ขนส่งผู้โดยสารรวม 5 ล้านคน เรายังเป็นผู้นำตลาดในประเทศด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงที่ร้อยละ 39 สำหรับตลาดต่างประเทศ เราได้เปิดเส้นทางบินใหม่หลายเส้นทาง อาทิ ดอนเมือง สู่ วิสาขปัทนัม (อินเดีย) และโอกินาวา (ญี่ปุ่น) รวมไปถึง ใช้สิทธิเสรีภาพการบินที่ 5 (Fifth Freedom) เริ่มให้บริการจากดอนเมือง แวะรับส่งผู้โดยสารที่ไต้หวัน สู่ปลายทางญี่ปุ่น ในเส้นทาง ไทเป - โอกินาวา และเกาสง - โตเกียว” นายสันติสุขกล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มแอร์เอเชียยังได้รับการประกาศให้เป็นแชมป์ “สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก” 15 ปีซ้อนจากการจัดอันดับของสถาบันสกายแทรกซ์ (SKYTRAX) ผ่านการโหวตจากคนทั่วโลก ตอกย้ำแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ความไว้วางใจ และมาตรฐานระดับโลก
ครึ่งปีหลังปี 2567 บริษัทยังคงเดินหน้ารุกอย่างเต็มที่ เฉพาะเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเส้นทางใหม่ “ดอนเมือง-ลำปาง” เป็นครั้งแรก หลังท่าอากาศยานลำปางพัฒนาและขยายรันเวย์ รวมทั้งการเปิดเส้นทางระหว่างประเทศ อาทิ ดอนเมือง สู่ ฟูก๊วก (เวียดนาม) ไฮเดอราบัด (อินเดีย) และจากภูเก็ต สู่เสียมราฐ (กัมพูชา) เชนไน และโกลกาตา (อินเดีย) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประสบความสำเร็จในการเจรจาขอขยายสิทธิการบินเพิ่มเติมกับทางประเทศอินเดีย
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายขนส่งผู้โดยสารตลอดปีอยู่ที่ 20-21 ล้านคน และเป้าหมายรายได้จากการขายและบริการที่จะเติบโตร้อยละ 20-23 วางแผนมีฝูงบินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 60 ลำ ณ สิ้นปี โดยบริษัทได้ทยอยรับเครื่องบินแอร์บัส A321neo ใหม่ต่อเนื่องไปแล้วอีก 2 ลำ ซึ่งเป็นรุ่นที่เพิ่มปริมาณที่นั่งเป็น 236 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 56 ที่นั่ง จากเครื่องบินแอร์บัส A320 เดิมที่มี 180 ที่นั่ง) ช่วยประหยัดต้นทุนและพลังงานเชื้อเพลิงมากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแผนพัฒนาความยั่งยืนของบริษัทต่อไป
ที่มา: ไทยแอร์เอเชีย