บลจ.เอ็กซ์สปริง โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก AUM พุ่ง 22.7% ครึ่งปีหลังเปิดกลยุทธ์ลงทุนหุ้นต่างประเทศ - สินทรัพย์นอกตลาดหนุนผลงานโตต่อเนื่อง

พฤหัส ๑๕ สิงหาคม ๒๐๒๔ ๑๕:๐๑
XSpring AM 6 เดือนแรก AUM โต 22.7% เผยกลยุทธ์เด็ดด้วยการสร้างโปรดักต์ที่แตกต่าง เฟ้นหาสินทรัพย์นอกตลาดให้ผลตอบแทนสูงในช่วงตลาดหุ้นซบเซา เช่น XSpring AM Private Real Estate Fund เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ สร้างโอกาสรับผลตอบแทนถึง 10%ครึ่งปีหลังเชื่อมั่นเติบโตต่อเนื่อง พร้อมมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในตลาดต่างประเทศ ประเมินสหรัฐฯ เริ่มน่าสนใจจากนโยบายย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ ขณะที่ยุโรปเริ่มมีปัจจัยบวกจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมองตลาดหุ้นไทยแม้ EPS ปรับลดลงแต่ภาพรวมเริ่มนิ่ง ประเมินดัชนีในกรอบแนวรับที่ 1,200 – 1,250 จุด และแนวต้านทางเทคนิคที่ 1,430 – 1,470 จุด แนะนำหุ้นกลุ่ม Defensive ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มบริการสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลขนาดใหญ่ ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจนายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่าในครึ่งแรกของปี 2567 ที่ผ่านมาแม้จะเป็นช่วงที่ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสดใสแต่ XSpring AM สามารถสร้างผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ให้เติบโตขึ้นจาก 6,928 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2566 เป็น 8,501 ล้านบาทในวันที่ 30 มิ.ย. 2567 คิดเป็นอัตราการเติบโต 22.70% โดยปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตในครั้งนี้มาจากการสร้างความแตกต่างในบริการของ XSpring AM ที่เน้นกลยุทธ์ในการใช้ Ecosystem ของกลุ่ม XSpring ที่มีบริการทางการเงินอย่างครบวงจรเข้ามาต่อยอดความต้องการทางการเงินและการลงทุนของลูกค้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เช่น การส่งต่อลูกค้าจากบริษัทแม่กระจายมายังสินค้าและบริการของบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าแบบ 360 องศา และมั่นใจว่าการผนึกกำลังของกลุ่ม XSpring จะทำให้ผลงานครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง
บลจ.เอ็กซ์สปริง โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก AUM พุ่ง 22.7% ครึ่งปีหลังเปิดกลยุทธ์ลงทุนหุ้นต่างประเทศ - สินทรัพย์นอกตลาดหนุนผลงานโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ XSpring AM เมื่อได้รับการส่งต่อลูกค้ามาแล้วก็มีกลยุทธ์เพื่อตอบสนองให้ลูกค้าอย่างแตกต่าง โดยเฉพาะในครึ่งปีที่ผ่านมา เราได้เปิดกองทุนที่มุ่งเน้นลงทุนทั้งสินทรัพย์ในตลาดทุนและนอกตลาด เช่น กองทุน XSpring AM Private Real Estate Fund ที่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ สามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น และเป็นทางเลือกที่นักลงทุนสนใจท่ามกลางผลตอบแทนในตลาดทุนที่ยังไม่สดใส และถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายขึ้น โดยส่วนหนึ่งที่กองทุนประเภทนี้ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนในโครงการไม่ต่ำกว่า 10%

ทั้งนี้นอกจากสินทรัพย์นอกตลาดที่จะนำมาขับเคลื่อนกลยุทธ์ของ XSpring AM แล้ว ในครึ่งปีหลัง สินทรัพย์ต่างประเทศก็จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะนำมาผสมผสานในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้า โดยคาดว่าแนวโน้มและทิศทางการลงทุนในต่างประเทศยังคงสดใสมากกว่าไทย แม้ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจจะถดถอยในเขตเศรษฐกิจสำคัญจะเพิ่มขึ้น แต่ต่างประเทศมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า รวมไปถึงการเปิดรับนวัตกรรม และการจัดการทางการค้าที่ลดทอนความเสี่ยงลงจากการทุ่มตลาด ทำให้โอกาสในการลงทุนยังมีมากกว่า

สำหรับสินทรัพย์ที่ XSpring AM แนะนำให้ลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังคงเน้นไปที่การลงทุนแถบสหรัฐอเมริกาและยุโรป อย่างไรก็ดีเนื่องจากคาดการณ์ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเริ่มปรับตัวลดลง จึงแนะนำให้เข้าลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ (Defensive) หรือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ (Reshoring) เนื่องจากถือเป็นนโยบายที่เห็นตรงกันของทั้งพรรคเดโมแครต และพรรคริพลับลิกัน (Bipartisan) ส่วนภูมิภาคยุโรปที่เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว มองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจเนื่องจากทำให้ต้นทุนทางการเงินบางส่วนในยุโรปลดลง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะในหมู่ประเทศตอนใต้ของยุโรป เช่น อิตาลี สเปน เป็นต้น

ด้านตลาดหุ้นไทยมองว่าแม้แนวโน้มการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นของไทย (EPS: Earning Per Share) ในภาพรวมจะยังคงลดลง แต่ถือว่าเริ่มนิ่งขึ้น แม้ว่าสภาพบรรยากาศโดยรวมยังมีความกดดันจากบรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินคดีความทางการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันในวันที่ 14 ส.ค. 2567 ประกอบกับเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ และเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้งจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน โดยคาดว่า GDP ของไทยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 2.00% จึงแนะนำให้เลือกลงทุนเป็นรายอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) หรือกลุ่มบริการสุขภาพ (Healthcare) ที่กำไรในหมวดอุตสาหกรรมยังคงปรับตัวขึ้น ในภาพรวมประเมินว่าดัชนีจะสามารถยืนอยู่แนวรับระยะสั้นที่ 1,280 จุด ได้ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,200 – 1,250 จุด และแนวต้านทางเทคนิคที่ 1,430 – 1,470 จุด

ที่มา: เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก