นายปรับ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC ผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้โมเดลธุรกิจ “สร้าง-ดำเนินการ-ขาย” (Build-Operate-Sale : BOS) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 2 ปี 2567 ประสบความสำเร็จในการขายโครงการ Cove Hill Lifestyle Retail Mall ผ่านการขายหุ้นสามัญ ในบริษัท บูทิค เจริญกรุง โฮลดิ้งส์ จำกัด (BCRKH) ที่สัดส่วนร้อยละ 50 มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการขายสินทรัพย์ตามโมเดลธุรกิจของบริษัทฯ สนับสนุนให้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ กลุ่มบริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 71.6 ล้านบาท เติบโต 142% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งมี EBITDA เป็นบวกที่ 29.6 ล้านบาท และพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้ง โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทอยู่ที่ 36.8 ล้านบาท
ขณะที่งวดครึ่งปีแรกของปี 2567 กลุ่มบริษัทยังคงมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท พลิกกลับมาเป็นบวกที่ 11.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) นับเป็นการทำกำไรจากผลการดำเนินงานปกติและการขายเงินลงทุนในโครงการไลฟ์สไตล์มอลล์โคฟ ฮิลล์ (Cove Hill) ย่านเจริญกรุง
สำหรับรายได้รวม ในไตรมาส 2/2567 เท่ากับ 165.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (QoQ) และเพิ่มขึ้น 109.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากการขายหุ้นสามัญ (เงินลงทุนในบริษัทร่วม) สัดส่วนร้อยละ 50 ใน BCRKH ซึ่งลงทุนทางอ้อมในโครงการ Cove Hill Lifestyle Retail Mall เป็นผลให้กลุ่มบริษัทรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวน 69.2 ล้านบาท แม้รายได้จากการดำเนินงานโรงแรมและศูนย์การค้าและสำนักงานให้เช่าปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 เนื่องจากปกติในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว แต่เพิ่มขึ้น 25.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก และความสามารถของทีมบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับ กลยุทธ์การบริหารงานในรูปแบบกลุ่มของโรงแรม ซึ่งทำให้เกิดการแบ่งปันทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้ BC มีค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส 2 ปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นอยู่ที่ 94.1 ล้านบาท ลดลง 5.6 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และสนับสนุนงวด 6 เดือนแรกปี 2567 BC มีรายได้รวม 297.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
“นับเป็นไปตามแผนงานที่บริษัทฯ วางไว้ BC พลิกกลับมาทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง สนับสนุนให้กลุ่มบริษัทฯ มี EBITDA ในไตรมาส 2 ปีนี้ เป็นบวกต่อเนื่องอยู่ที่ 71.6 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ที่เป็นบวก 29.6 ล้านบาท และดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 ที่ติดลบ 20.7 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือน ในปี 2567 EBITDA มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นบวก 101.2 ล้านบาท จากเป็นลบ 22.3 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นมาจากการขายหุ้นสามัญ (เงินลงทุน) ในบริษัทย่อย ซึ่งลงทุนทางอ้อมในโครงการ Cove Hill Lifestyle Retail Mall อีกทั้งการปรับตัวที่ดีขึ้นนี้ยังเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” นายปรับ กล่าว
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ เปิดให้บริการโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ทั้งสิ้น 9 โครงการ บนทำเลศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ประกอบด้วย ภูเก็ต, พัทยา และ เชียงใหม่ นอกจากนี้ BC ยังดูแลโครงการของบุคคลที่สามในภูเก็ต กะรน ภายใต้แบรนด์ของตนเอง JONO X และได้รับค่าตอบแทนจากการบริหารรายได้และการบริหารโรงแรม
อีกทั้ง ปัจจุบัน BC มีโครงการรีเทลของบริษัทฯ ซึ่งเป็นโครงการ mixed-use ประเภทศูนย์การค้าและสำนักงานให้เช่า เปิดดำเนินการจำนวน 1 โครงการ ภายใต้ชื่อ “ซัมเมอร์ พ้อยท์” ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พระโขนง มีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 93% ในไตรมาส 2/2567 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 87% ในไตรมาส 2/2566 ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของอัตราการเช่าพื้นที่มาจากความสามารถในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพของทีมบริหารอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ และด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทฯ จึงพิจารณาทางเลือกในการขายโครงการนี้ผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล นอกจากนี้ แผนการพัฒนาโครงการ “โคฟ ฮิลล์ (Cove Hill)” บนทำเลทองย่านเจริญกรุง ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังอยู่ระหว่างที่ผู้เช่ากำลังเข้าตกแต่งพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางเดือนกันยายนปีนี้
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ กลุ่มบริษัทบีสโปคเวลเนสมีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น เป็นผลมาจากมาตรการในการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกลุ่มบริษัทยังได้รับการรับรองจาก Good Agricultural and Collection Practices (GACP) และใบอนุญาตในการส่งออกสำหรับการเพาะปลูกสมุนไพรไทยอีกด้วย
นายปรับ กล่าวปิดท้าย “ในปี 2567 แม้ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว แต่ก็ยังช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้นับเป็นความท้าทายของกลุ่ม BC โดยเฉพาะในการขายเงินอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของโมเดลธุรกิจของเรา แต่ด้วยศักยภาพทีมงานที่แข็งแกร่ง มั่นใจได้ว่า เราจะเดินหน้าได้ตามแผน สะท้อนจากการดำเนินงานที่พลิกเป็นกำไรได้ในไตรมาส 2 นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังอยู่ระหว่างการจัดการเรื่องโครงสร้างการดำเนินธุรกิจและอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนให้แข็งแกร่งขึ้น โดยมีแผนการดำเนินการต่างๆ รวมทั้ง การศึกษาทางเลือกในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ผ่าน ICO และ REIT เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนรูปแบบใหม่ที่มีความน่าสนใจ ขณะที่ การขายเงินลงทุนในโครงการจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของสถานะการเงิน และกระจายความเสี่ยงธุรกิจในอนาคต”
ที่มา: IR PLUS